DSpace at Bangkok University >
Cluster of Business & Management >
School of Business Administration >
Master Degree >
Independent Studies >
Please use this identifier to cite or link to this item:
http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/4543
|
Title: | ค่านิยมความเป็นไทยและบุคลิกภาพเพศแฝงกับการใช้เครื่องสำอางบำรุงผิวของกลุ่ม Metrosexual |
Authors: | วิภาดา กิจแก้วกานต์ |
Keywords: | พฤติกรรมผู้บริโภค -- ไทย -- กรุงเทพฯ -- การศึกษาเฉพาะกรณี การจัดการตลาด -- การศึกษาเฉพาะกรณี เกย์ -- ไทย -- กรุงเทพฯ -- การศึกษาเฉพาะกรณี เครื่องสำอาง -- การตลาด -- การศึกษาเฉพาะกรณี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ -- สารนิพนธ์ |
Issue Date: | 2553 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยกรุงเทพ |
Abstract: | งานวิจัยเรื่องค่านิยมความเป็นไทยและบุคลิกภาพเพศแฝงกับการใช้เครื่องสำอางบำรุงผิวของกลุ่ม Metrosexual ได้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาพฤติกรรมการใช้เครื่องสำอางบำรุงผิว โดยมีปัจจัยทางด้านค่านิยมความเป็นไทยและบุคลิกภาพเพศแฝงเป็นส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อทำการหาความสัมพันธ์ โดยกลุ่มตัวอย่างคือ กลุ่ม Metrosexual ทั้งหมด 400 คน และทำการสำรวจผ่านทางแบบสอบถามที่แบ่งคำถามออกเป็น 4 ส่วน ประกอบไปด้วยแบบสอบถามข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบแบบสอบถามแบบสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้เครื่องสำอาง แบบสอบถามเพื่อประเมินระดับค่านิยมความเป็นไทย และแบบสอบถามเพื่อประเมินหาบุคลิกภาพเพศแฝงของผู้ตอบสอบสอบถาม โดยการเก็บข้อมูลแบบเผชิญหน้า (Face to Face) จากผลสำรวจสามารถสรุปได้ว่าผลการทดสอบสมมุติฐานที่ 1 ทางด้านค่านิยมความเป็นไทย โดยส่วนมากกลุ่มตัวอย่างจะมีค่านิยมความเป็นไทยอยู่ในระดับกลางและมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้เครื่องสำอางทางด้านเครื่องสำอางประเภทที่ซื้อเป็นประจำ ค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อครั้งสำหรับการซื้อเครื่องสำอาง จำนวนครั้งในการซื้อเครื่องสำอางต่อปี พฤติกรรมการใช้เครื่องสำอางเป็นประจำ สิ่งที่ผู้บริโภคคำนึงถึงเป็นอันดับแรกในการเลือกใช้เครื่องสำอาง เหตุผลสำคัญในการเลือกใช้เครื่องสำอาง สถานที่ที่เลือกซื้อเครื่องสำอาง และประเภทของเครื่องสำอางที่เลือกซื้อ โดยมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 สำหรับสมมุติฐานที่ 2 ทางด้านบุคลิกภาพเพศแฝง โดยส่วนมากกลุ่มตัวอย่างจะมีบุคลิกภาพเพศแฝงเป็นเพศชายและมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการใช้เครื่องสำอางทางด้านค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อครั้ง ในการซื้อเครื่องสำอาง จำนวนครั้งในการซื้อเครื่องสำอางต่อปี และประเทศของเครื่องสำอางที่เลือกซื้อ โดยมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05
จากผลสรุปของงานวิจัยที่ได้มา สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผนการดำเนินงานทางด้านกลยุทธ์ทางการตลาด การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจัดจำหน่ายและแผนการดำเนินงานอื่น ๆ เพื่อให้องค์กรธุรกิจ นักการตลาดสามารถตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้กลุ่มผู้บริโภคในระดับสูงสุด รวมถึงสามารถขยายสายผลิตภัณฑ์และสร้างรายได้ให้กับองค์กรธุรกิจเพิ่มมากขึ้น |
Description: | การศึกษาเฉพาะบุคคล (บธ.ม.)--บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 2552 |
Advisor(s): | วีระพงศ์ มาลัย |
URI: | http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/4543 |
Appears in Collections: | Independent Studies - Master Independent Studies
|
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.
|