กิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาดมีผลต่อระดับความตั้งใจซื้อครีมบำรุงผิวพรรณของผู้บริโภคหญิงในเขตกรุงเทพมหานคร

Abstract

การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ โดยใช้กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้บริโภคครีมบำรุงผิวพรรณ เพศหญิงในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นการศึกษาช่วงอายุและระดับรายได้ของผู้บริโภคกลุ่มนี้ว่าให้ความสำคัญต่อกิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาดรูปแบบใดบ้าง ตลอดจนก่อให้เกิด ความตั้งใจซื้อสินค้าครีมบำรุงผิวพรรณระดับไหนในแต่ละกิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาด ข้างต้น วัตถุประสงค์ของการศึกษาในครั้งนี้เพื่อให้สามารถหากิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาดที่มี ความเหมาะสมและก่อให้เกิดความตั้งใจซื้อระดับสูงในสินค้าครีมบำรุงผิวพรรณ ผู้ตอบแบบสอบถามในการศึกษาเฉพาะส่วนบุคคลเรื่องนี้แบ่งออกไป 3 กลุ่ม คือ กลุ่มวัยเรียน กลุ่มวัยทำงานและกลุ่มวัยเกษียน โดยการแจกแบบสอบถามให้กับกลุ่มตัวอย่างอ้างอิงตามสถานที่ดังต่อไปนี้ คือ โรงเรียนเอกชนและรัฐบาลเป็นจำนวน 50 คน มหาวิทยาลัยเอกชนและรัฐบาลเป็นจำนวน 100 คนและศูนย์การค้าในเขตพื้นที่ธุรกิจเป็นจำนวน 100 คน ซึ่งแบบสอบถาม ได้แบ่งเป็น 3 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 ข้อมูลสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถาม เป็นคำถามเกี่ยวกับ ข้อมูลด้านลักษณะทางประชากรศาสตร์ของผู้ตอบแบบสอบถามในเรื่องอายุและรายได้ของผู้บริโภค ส่วนที่ 2 ความคิดเห็นเกี่ยวกับครีมบำรุงผิวพรรณและกิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาดที่ใช้ในปัจจุบัน ส่วนที่ 3 ความคิดเห็นเกี่ยวกับเนื้อหาของการนำเสนอกิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาดที่ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญและเกิดระดับความตั้งใจซื้อ การวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรม สำเร็จรูป SPSS ในการประมวลผลมีสถิติที่ใช้ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์หาค่าการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One–way ANOVA) ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์เพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า 1. ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 22–55 ปีหรืออยู่ในวัยทำงาน รองลงมาคือ วัยเกษียนและวัยรุ่นตามลำดับ ในส่วนรายได้ต่อเดือนอยู่ในช่วง 5,000–10,000 บาทหรืออยู่ในรายได้ระดับต่ำ รองลงมาคือรายได้ระดับสูงและระดับกลางตามลำดับ 2. กิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาดเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคพบเห็นบ่อยครั้งในสินค้าครีมบำรุงผิวพรรณยี่ห้อต่างๆ แต่ให้ระดับความสำคัญของกิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาดเหล่านี้แตกต่างกันออกไปแต่ก็มีบางกิจกรรมที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ช่วงอายุและระดับรายได้แตกต่างกันกลับให้ระดับความสำคัญพอๆ กันและอยู่ในระดับความสำคัญมาก คือ การจัดรายการส่งเสริมการขาย ยกตัวอย่างเช่น การลดราคา การแลกรางวัลหรือการให้ทดลองใช้สินค้าตัวอย่าง เป็นต้น 3. ระดับความสำคัญของกิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาดชนิดต่างๆมีความสัมพันธ์กับระดับความตั้งใจซื้อที่แตกต่างกันออกไปตามคุณลักษณะประชากรไม่ว่าจะเป็นอายุหรือรายได้ ซึ่งกิจกรรมการส่งเสริมทางการตลาดแบ่งออกเป็น 4 ลักษณะได้แก่ การให้ข้อมูล การโฆษณาประชาสัมพันธ์ การจัดกิจกรรมและการจัดรายการส่งเสริมการขาย ซึ่งพบว่ามีความสอดคล้องกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05