การศึกษาปัจจัยภูมิหลังส่วนบุคคลที่มีต่อองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีมและรูปแบบการจัดการความขัดแย้ง : กรณีศึกษาพนักงานระดับปฏิบัติการในกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวงคมนาคม

Abstract

การศึกษาปัจจัยภูมิหลังส่วนบุคคลที่มีต่อองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีมและรูปแบบ การจัดการความขัดแย้ง : กรณีศึกษาพนักงานระดับปฏิบัติการในกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวง คมนาคม เป็นการวิจัยเชิงสำรวจ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความแตกต่างของปัจจัยส่วนบุคคลที่มี ต่อองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีมของพนักงานระดับปฏิบัติการ ศึกษาความแตกต่างของ ปัจจัยส่วนบุคคลที่มีต่อรูปแบบการจัดการความขัดแย้งของพนักงานระดับปฏิบัติการ และศึกษา ความสัมพันธ์ของรูปแบบการจัดการความขัดแย้งของพนักงานระดับปฏิบัติการในกลุ่มรัฐวิสาหกิจ ที่สังกัดกระทรวงคมนาคม ประชากรในการวิจัย คือ พนักงานระดับปฏิบัติการในกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวงคมนาคม โดยจะทำการสุ่มกลุ่มตัวอย่างจาก ณ สำนักงานใหญ่ของรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้แก่ การท่าเรือแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ผู้วิจัยจึงกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างโดยใช้ตารางการคำนวณหาขนาดกลุ่มตัวอย่างของ Taro Yamane ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% ซึ่งได้ขนาดของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ประกอบด้วย แบบสอบถามที่ผู้วิจัยสร้างและพัฒนาขึ้นเอง โดยศึกษาจากแบบสอบถามที่มีผู้วิจัยไว้แล้ว ได้แก่ แบบสอบถามข้อมูลปัจจัยภูมิหลังส่วนบุคคล จำนวน 5 ข้อ แบบสอบถามวัดระดับพฤติกรรมเกี่ยวกับองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีมจำนวน 25 ข้อ และแบบสอบถามวัดระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบการจัดการความขัดแย้งจำนวน 25 ข้อ มีค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.9125 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าที (t-test) ค่าเอฟ (F-test) การทดสอบความแปรปรวนทางเดียว (One-way Analysis of Variance: One-way ANOVA) ทดสอบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยเป็นรายคู่ โดยวิธีของ เชฟเฟ่ (Scheffe) และใช้ ทดสอบหาความสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson Correlation) การวิเคราะห์ผลทำโดยคอมพิวเตอร์ โปรแกรมสำเร็จรูป ได้ผลการวิจัยดังนี้ 1. ปัจจัยภูมิหลังส่วนบุคคล ได้แก่ ความแตกต่างของเพศ ระดับการศึกษา และอายุงานที่มี ผลต่อองค์ประกอบของการทำงานเป็นทีม ได้แก่ โครงสร้างทีม กระบวนการของทีม รูปแบบทีม ผู้นำทีม และสมาชิกของทีม ของพนักงานระดับปฏิบัติการในกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวง คมนาคมไมแ่ ตกต่างกัน ยกเว้น ในเรื่องเกี่ยวกับความแตกต่างของอายงุ านที่มีผลต่อองค์ประกอบ ของการทำงานเป็นทีม ได้แก่ โครงสร้างทีม กระบวนการของทีม รูปแบบทีม ผู้นำทีมของพนักงาน ระดับปฏิบัติการในกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวงคมนาคมแตกต่างกัน 2. ปัจจัยภูมิหลังส่วนบุคคล ได้แก่ ความแตกต่างของเพศ และรายได้ที่มีผลต่อรูปแบบการ จัดการความขัดแย้ง ได้แก่ ได้แก่ รูปแบบการจัดการแบบผสมผสาน รูปแบบการจัดการแบบยอม ตาม รูปแบบการจัดการแบบเอาชนะ รูปแบบการจัดการแบบหลีกเลี่ยง และรูปแบบการจัดการ แบบประนีประนอม ของพนักงานระดับปฏิบัติการในกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่สังกัดกระทรวงคมนาคม ไม่แตกต่างกัน ยกเว้น ในเรื่องเกี่ยวกับความแตกต่างของเพศที่มีผลต่อรูปแบบการจัดการความ ขัดแย้งด้านการเอาชนะแตกต่างกัน และความแตกต่างของรายได้ที่มีผลต่อรูปแบบการจัดการความ ขัดแย้ง ได้แก่ แบบยอมตาม แบบเอาชนะ แบบหลีกเลี่ยง และแบบประนีประนอมแตกต่างกัน 3. รูปแบบการจัดการความขัดแย้งของพนักงานระดับปฏิบัติการ ได้แก่ รูปแบบการจัดการ แบบผสมผสาน รูปแบบการจัดการแบบยอมตาม รูปแบบการจัดการแบบเอาชนะ รูปแบบการ จัดการแบบหลีกเลี่ยง และรูปแบบการจัดการแบบประนีประนอมในกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่สังกัด กระทรวงคมนาคมมีความสัมพันธ์กัน ยกเว้นรูปแบบการเอาชนะที่ไม่มีความสัมพันธ์ต่อรูปแบบ ผสมผสานและรูปแบบประนีประนอม ผลการวิจัยนี้สามารถนำไปประยุกต์ใชใ้ นการวางแผนการคัดเลือกพนักงานเพื่อเข้ามาทำงานร่วมกันเป็นทีมหรือแผนกได้อย่างเหมาะสม รวมถึงนำไปแก้ไขและปรับปรุงรูปแบบความขัดแย้งที่เกิดขึ้นภายในทีมงานเดียวกันหรือระหว่างองค์กรของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของไทย ซึ่งเป็นการช่วยบรรเทาเหตุการณ์ความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในองค์กร และส่งผลให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น