การศึกษากระบวนการทำงาน ทักษะการสื่อสาร และแรงจูงใจ ที่มีผลต่อประสิทธิผลการทำงาน ของสภาคริสตจักรลูเธอร์แรนในประเทศไทย

Abstract

วัตถุประสงค์ของการศึกษาดังนี้ (1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านกระบวนการทำงานที่มีผลต่อประสิทธิผลการทำงานของสภาคริสตจักรลูเธอร์แรนในประเทศไทย (2) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านทักษะการสื่อสารที่มีผลต่อประสิทธิผลการทำงานของสภาคริสตจักรลูเธอร์แรนในประเทศไทย และ (3) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านแรงจูงใจที่มีผลต่อประสิทธิผลการทำงานของสภาคริสตจักรลูเธอร์แรนในประเทศไทย กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้ร่วมงานและอาสาสมัครชาวไทยในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดมุกดาหาร จังหวัดอุดรธานี จังหวัดบึงกาฬ จังหวัดเชียงราย จังหวัดลำปาง และจังหวัดน่าน จำนวน 200 คน โดยใช้วิธีการเลือกสุ่มกลุ่มตัวอย่างแบบสัดส่วน (Proportional Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบสอบถามประมาณค่า 5 ระดับ สถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ( ) และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) สถิติเชิงอนุมานคือ การวิเคราะห์ความถดถอยอย่างง่าย (Simple Regression Analysis) ผลการศึกษา พบว่า (1) ระดับความคิดเห็นเกี่ยวกับปัจจัยด้านกระบวนการทำงาน ด้านทักษะการสื่อสาร ด้านแรงจูงใจ และประสิทธิผลการทำงานของสภาคริสตจักรลูเธอร์แรนในประเทศไทย สรุปได้ว่า ปัจจัยด้านกระบวนการทำงานอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก ปัจจัยด้านทักษะการสื่อสาร อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก ปัจจัยด้านแรงจูงใจอยู่ในระดับเห็นด้วยปานกลาง และประสิทธิผลการทำงานอยู่ในระดับเห็นด้วยมาก (2) ปัจจัยด้านกระบวนการทำงานมีผลต่อประสิทธิผลการทำงานของสภาคริสตจักรลูเธอร์แรนในประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยกระบวนการทำงานมีผลต่อประสิทธิผลการทำงาน ร้อยละ 30 (3) ปัจจัยด้านทักษะการสื่อสารมีผลต่อประสิทธิผลการทำงานของสภาคริสตจักรลูเธอร์แรนในประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยทักษะการสื่อสารมีผลต่อประสิทธิผลการทำงาน ร้อยละ 24.50 และ (4) ปัจจัยด้านแรงจูงใจมีผลต่อประสิทธิผลการทำงานของสภาคริสตจักรลูเธอร์แรนในประเทศไทย อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยแรงจูงใจมีผลต่อประสิทธิผลการทำงาน ร้อยละ 7.1

The purposes of this study are (1) to study the workflow factors that affect toward the operational effectiveness of The Evangelical Lutheran Church in Thailand, (2) to study the communication skill factors that affect toward the operational effectiveness of The Evangelical Lutheran Church in Thailand, and (3) to study the motivation factors that affect toward the operational effectiveness of The Evangelical Lutheran Church in Thailand. Samples were 200 attendants and Thai volunteers in Bangkok Metropolitan Region, Ubon Ratchathani, Mukdahan, Udonthani, Bungkan, Chiang Rai, Lampang, and Nan by using proportional random sampling method. The statistical tool used in this research was a Linkert scale. The basic statistic method were; frequency, percentage, mean ( ), and standard deviation (S.D.), Inferential statistic, and Simple Regression Analysis. The research has found that: (1) the perspective’s level of workflow factors, communication skill factors, and motivation factors that affect toward the operational effectiveness of The Evangelical Lutheran Church in Thailand. From the research it could be concluded that the workflow factors, the communication skill factors, the motivation factors, were strongly agree, strongly agree, and neutral agree respectively. (2) the workflow factors had affected toward the operational effectiveness of The Evangelical Lutheran Church in Thailand with statistically significant level at 0.05, and equal to 30 percentage . (3) The communication skill factors that affect toward the operational effectiveness of The Evangelical Lutheran Church in Thailand had statistically significant level at 0.05, and equal to 24.5 percentages. (4) The motivation factors that affect toward the operational effectiveness of The Evangelical Lutheran Church in Thailand had statistically significant level at 0.05, and equal 7.1 percentages.