ปัจจัยที่มีผลต่อการไหลเข้าของเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของภาคเอกชนต่างประเทศ

Abstract

เงินทุนจากต่างประเทศมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของโลกเช่นเดียวกับการค้า ประเทศที่กาลังพัฒนาจาเป็นต้องพึ่งเงินทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากเงินออมภายในประเทศไม่เพียงพอต่อความต้องการของภาคธุรกิจและภาครัฐ ดังนั้นเพื่อสนับสนุนการเติบโตของระบบเศรษฐกิจจึงจำเป็นต้องพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศ ประเทศไทยก็เช่นเดียวกับประเทศที่กาลังพัฒนาอื่นๆ ที่ต้องการเงินทุนจากต่างประเทศ ดังนั้นในการศึกษาครั้งนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลกระทบของดัชนีตลาดหลักทรัพย์, อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีที่มีต่อมูลค่าการไหลเข้าของเงินลงทุนในหลักทรัพย์สุทธิจากต่างประเทศ โดยในการศึกษาใช้ข้อมูลแบบทุติยภูมิรายไตรมาส จานวน 30 ไตรมาส เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2545 ถึงไตรมาสที่ 2 ปี 2552 และใช้วิธีการวิเคราะห์ความถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression Analysis) ในการวิจัย นอกจากนี้ได้ทาการทดสอบ Heteroskedasticity เป็นการทดสอบว่าค่าความแปรปรวนมีความคงที่หรือไม่ เพื่อให้ผลการทดสอบมีความน่าเชื่อถือ และใช้ Unit Root test เพื่อทดสอบว่าค่าความคลาดเคลื่อนของสมการ Regression ว่ามีความนิ่งหรือไม่ เพื่อหาความสัมพันธ์กันในระยะยาว ผลการศึกษา ปัจจัยที่มีผลต่อการไหลเข้าของเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของภาคเอกชนต่างประเทศ พบว่า อัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริง (REER) มีผลกระทบต่อมูลค่าการไหลเข้าของเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของภาคเอกชนต่างประเทศในทิศทางตรงกันข้ามที่ระดับความเชื่อมั่น 90% กล่าวคือ ถ้าหากอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงแข็งค่าขึ้นจะส่งผลให้มูลค่าการไหลเข้าของเงินลงทุนในหลักทรัพย์สุทธิจากภาคเอกชนลดลง และในทางตรงกันข้ามถ้าอัตราแลกเปลี่ยนที่แท้จริงอ่อนค่าลงจะส่งผลให้มูลค่าการไหลเข้าของเงินลงทุนในหลักทรัพย์สุทธิจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปีนั้นไม่มีผลมูลค่าการไหลเข้าของเงินลงทุนในหลักทรัพย์ของภาคเอกชนต่างประเทศที่ระดับความเชื่อมั่น 90%