DSpace at Bangkok University >
Cluster of Business & Management >
School of Business Administration >
Master Degree >
Independent Studies >
Please use this identifier to cite or link to this item:
http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/339
|
Title: | การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติในการดูแลสุขภาพกับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคคลวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร |
Authors: | บุศรินทร์ ชลานุภาพ |
Keywords: | การศึกษาความสัมพันธ์ การดูแลสุขภาพ พฤติกรรมสุขภาพ การออกกำลังกาย |
Issue Date: | 2552 |
Publisher: | มหาวิทยาลัยกรุงเทพ |
Abstract: | การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างทัศนคติในการดูแลสุขภาพกับพฤติกรรมการออกกำลังกาย
ของบุคคลวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาทัศนคติในการดูแล
สุขภาพและพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคคลวัยทำงาน 2) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง
ลักษณะส่วนบุคคลกับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคคลวัยทำงาน 3) ศึกษาความสัมพันธ์
ระหว่างทัศนคติในการดูแลสุขภาพกับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคคลวัยทำงาน ซึ่ง
การศึกษาครั้งนี้ใช้กลุ่มตัวอย่าง 400 คนและใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา โดยใช้
วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบบังเอิญ (Accidental Sampling) และสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติ
บรรยาย ประกอบด้วย ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ สถิติวิเคราะห์
คือ การทดสอบค่าไคกำลังสอง (Chi-Square Test) ผลการศึกษาครั้งนี้พบว่า
1. พฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคคลวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานคร พบว่า บุคคล
วัยทำงานมีจำนวนวันที่ใช้ในการออกกำลังกายที่ ไม่แน่นอน แต่ถ้าจะออกกำลังกาย ส่วนใหญ่จะ
ออกกำลังกาย ช่วงเวลา 17.01 - 21.00 น.
เวลาที่ใช้ในการออกกำลังกายโดยเฉลี่ยคือ ไม่เกิน 30 นาที / ครั้ง รองลงมาคือ 30-59 นาที /
ครั้ง ซึ่งวิธีที่ใช้ออกกำลังกายมากที่สุดคือ การเดิน รองลงมาคือ การวิ่ง โดยสถานที่ที่ใช้ในการออก
กำลังกายเป็นประจำ มากที่สุด คือ สวนสาธารณะ / ศูนย์สุขภาพ รองลงมาคือ บริเวณบ้าน โดยมี
จุดประสงค์ในการออกกำลังกาย เพื่อรักษาสุขภาพ ทำใหร้ ่างกายแข็งแรง มากที่สุด รองลงมาคือ
ผ่อนคลายความเครียด
2. บุคคลวัยทำงาน มีทัศนคติการดูแลสุขภาพกายระดับมาก และมีทัศนคติการดูแล
สุขภาพจิตระดับมากที่สุด
3. ผลการทดสอบสมมติฐาน
3.1 เพศมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคคลวัยทำงานในเขต
กรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ใน 2 ด้านด้วยกันคือ ด้านจำนวนวันที่ใช้ใน
การออกกำลังกายต่อสัปดาห์ และด้านจุดประสงค์ในการออกกำลังกาย
3.2 อายุมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคคลวัยทำงานในเขต
กรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ด้านจุดประสงค์ในการออกกำลังกาย
3.3 สถานภาพครอบครัวไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของ
บุคคลวัยทำงานในเขต กรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3.4 ระดับการศึกษามีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคคลวัย
ทำงานในเขต กรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ด้านเวลาที่ใช้ในการออก
กำลังกายโดยเฉลี่ย
3.5 อาชีพมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของบุคคลวัยทำงานใน
เขตกรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ด้านเวลาที่ใช้ในการออกกำลังกาย
โดยเฉลี่ย
3.6 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่มีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกายของ
บุคคลวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3.7 ทัศนคติในการดูแลสุขภาพกายมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกาย
ของบุคคลวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ด้านจำนวนวันที่
ใช้ในการออกกำลังกายต่อสัปดาห์
3.8 ทัศนคติในการดูแลสุขภาพจิตมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการออกกำลังกาย
ของบุคคลวัยทำงานในเขตกรุงเทพมหานครอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ด้านจำนวนวันที่
ใช้ในการออกกำลังกายต่อสัปดาห์ |
Description: | การศึกษาเฉพาะบุคคล (บธ.ม.)--บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 2552 |
Subjects: | ทัศนคติต่ออนามัย--ไทย--กรุงเทพฯ--การศึกษาเฉพาะกรณี การดูแลสุขภาพด้วยตนเอง--ไทย--กรุงเทพฯ--การศึกษาเฉพาะกรณี พฤติกรรมสุขภาพ--ไทย--กรุงเทพฯ--การศึกษาเฉพาะกรณี การออกกำลังกาย--ไทย--กรุงเทพฯ--การศึกษาเฉพาะกรณี วัยกลางคน--ไทย--กรุงเทพฯ--ทัศนคติ--แง่อนามัย--การศึกษาเฉพาะกรณี บุคคลวัยกลางคน--ไทย--กรุงเทพฯ--ทัศนคติ--แง่อนามัย--การศึกษาเฉพาะกรณี |
Advisor(s): | ไกรฤกษ์ ปิ่นแก้ว |
URI: | http://dspace2.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/339 |
Appears in Collections: | Independent Studies - Master Independent Studies
|
Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.
|