เปรียบเทียบผลตอบแทนและความเสี่ยงระหว่างกองทุนรวมอีทีเอฟ และกองทุนรวมเปิดตราสารทุนที่ลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว

Abstract

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบอัตราผลตอบแทน ความเสี่ยง และประสิทธิภาพการดำเนินงานระหว่างกองทุนรวมอีทีเอฟ (ETF) ที่ลงทุนในตราสารทุนต่างประเทศและกองทุนเปิดตราสารทุนที่มีนโยบายเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (FIF) โดยอาศัยมาตรวัดตามตัวแบบของ Sharpe และ Treynor Ratio เพื่อวัดประสิทธิภาพการดำเนินงานของกองทุนรวมทั้งสองประเภท ทั้งนี้ ในการวิเคราะห์จะอาศัยข้อมูลมูลค่าทรัพย์สินสุทธิต่อหน่วยรายวันของแต่ละกองทุนรวมทั้งหมด 10 กองทุน ซึ่งแบ่งเป็น (1) กองทุนรวมที่ลงทุนในตราสารทุนประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 4 กองทุน ระหว่างวันที่ 9 ธ.ค.2557 ถึงวันที่ 10 ก.ย.2558 รวม 172 วัน (2) กองทุนที่ลงทุนในยุโรปจำนวน 2 กองทุน ระหว่างวันที่ 9 ธ.ค.2557 ถึงวันที่ 10 ก.ย.2558 รวม 171วัน และ (3) กองทุนที่ลงทุนในญี่ปุ่นจำนวน 4 กองทุน ระหว่างวันที่ 17 ธ.ค.2557 ถึงวันที่ 10 ก.ย.2558 รวม 164วัน จากการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของกองทุนรวมโดยอาศัยมาตรวัดตามตัวแบบของ Sharpe พบว่ากองทุนรวม ETF มีผลการดำเนินงานดีกว่ากองทุนแบบ FIF โดยกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด คือ กองทุนรวม เมย์แบงค์ เจแปน อีทีเอฟ ในขณะที่การวิเคราะห์โดยอาศัยมาตรวัดตามตัวแบบของ Treynor พบว่า กองทุนรวม FIF ให้ผลการดำเนินงานดีกว่ากองทุนรวม ETF โดยกองทุนที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุด คือ กองทุนไทยพาณิชย์หุ้นญี่ปุ่น โดยได้พบว่ากองทุนรวม ETF มีความเสี่ยงไม่เป็นระบบน้อยกว่ากองทุนรวม FIF แต่มีความเสี่ยงที่เป็นระบบมากกว่ากองทุนรวม FIF จึงทำให้ผลที่ได้ออกมาแตกต่างกัน ดังนั้น กองทุนรวม FIF จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีการกระจายพอร์ตการลงทุนอยู่แล้ว ในขณะที่กองทุนรวม ETF เหมาะสำหรับนักลงทุนทุนที่มีการลงทุนแค่พอร์ตเดียวเนื่องจากมีการกระจายความเสี่ยงโดยรวมได้ดีกว่า

This study aims to compare rate of return, risk and efficiency between exchange traded fund (ETF) and foreign investment feeder fund (FIF) by employing Sharpe’s Index and Treynor’s Index. Moreover, this study relies on daily Net Asset Value of 10 mutual funds which are classified into three group, including (1) United State of America foreign equity investment fund during December 9, 2015 and September 10, 2015, totally 172 days (2) Europe foreign equity investment fund during December 9, 2015 and September 10, 2015, totally 171 days and (3) Japan foreign equity investment fund during December 9, 2015 and September 17, 2015, totally 164 days. The findings reveal that as performance is measured by Sharpe’s Index, the ETF Funds, on average, are found to have better performance than the FIF Funds. That is, Maybank Japan ETF has the highest risk adjusted rate of return. As looking mutual fund’s performance based on Treynor’s Index, the FIF Funds, on average, are found to have better performance than the ETF Funds. That is, SCB Japan Equity Fund has the highest risk adjusted rate of return. Based on these findings, the ETF Funds seem to have less unsystematic risk than the FIF Funds, but have more systematic risk than the FIF Funds, leading to these different results. Therefore, investing in FIF Funds is suitable for diversified portfolio investors, whereas investing in ETF Funds is suitable for those without diversified portfolio.