ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเรียนโยคะ ของผู้เรียนโยคะในเขตกรุงเทพมหานคร

Abstract

การศึกษาฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะทางประชากรศาสตร์และ ปัจจัยส่วนประสม ทางการตลาดที่มีผลต่อการเรียนโยคะของผู้เรียนโยคะในเขตกรุงเทพมหานคร โดยทำการศึกษาวิจัย เกี่ยวกับปัจจัยทางด้านส่วนประสมทางการตลาดใน 4 ด้านได้แก่ด้านอาจารย์ผู้สอนและประเภทของโยคะ ด้านราคาค่าใช้จ่ายด้านสถานที่ฝึก และด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาคือกลุ่มผู้เรียนโยคะที่กำลังเรียนโยคะกับโรงเรียนโยคะในเขต กรุงเทพมหานครอยู่ในขณะนี้โดยใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบบเจาะจง (Purposive Sampling)จำนวน 400 คน ซึ่งแบ่งตัวอย่างเป็น 2 กลุ่มจำแนกตามพื้นที่ฝั่งพระนคร และ ฝั่งธนบุรี เครื่องมือที่ใช้ใน การศึกษาคือแบบสอบถามที่มีค่าความเชื่อถือได้เท่ากับ 0.9508 และมีการตรวจสอบความเที่ยงตรงของ เนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น คือ สถิติเชิงพรรณนาได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอ้างอิง ที่ใช้ในการทดสอบสมมุติฐานที่ระดับนัยสำคัญ 0.5 คือ ไคสแควร์ (Chi-square) ผลการศึกษาพบว่า 1. ผลการศึกษาด้านคุณสมบัติของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่าผู้เรียนโยคะส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อายุ20-29 ปีสถานภาพโสด มีการศึกษาในระดับปริญญาตรีมีอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเอกชนมีรายได้ต่อ เดือน 30,001 - 45,000 บาทไม่มีโรคประจำตัว 2. ผลการศึกษาข้อมูลด้านพฤติกรรมการเรียนโยคะพบว่า ผู้เรียนโยคะส่วนใหญ่ไม่เคยเรียนโยคะ มาก่อน ลงเรียน 1 วิชา โดยลงเรียนวิชา ศิวะนันทะโยคะมากที่สุด เรียนวิชาโยคะ 3-10 ครั้งต่อสัปดาห์ ค่าใช้จ่ายในการเรียนโยคะตลอดหลักสูตรส่วนใหญ่คือ 1,001 - 5,000 บาท และส่วนใหญ่เลือกเรียนโยคะ เพราะสุขภาพ 3. ผลการศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อพฤติกรรมการเรียนโยคะพบว่า โดยภาพรวมปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรียนโยคะอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาปัจจัยด้านการส่งเสริมทางการตลาดเป็นรายด้านพบว่าด้านที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเรียน โยคะมากที่สุดคือ ด้านสถานที่ รองลงมาคือด้านผลิตภัณฑ์ ด้านราคาและค่าเล่าเรียน และด้านการ ส่งเสริมทางการตลาด

The objective of this study is to determine the demographic characteristics and marketing mix factors that affect learning of yoga students in Bangkok. The research investigates the marketing mix factors in 4 aspects: instructors; yoga types; the cost of the training facility and advertising. The samples used in the study were a group of yoga students learning at a yoga school in Bangkok. The Purposive Sampling method was used with 400 people by dividing them into 2 groups: Bangkok area and Thonburi areas. A questionnaire was used with the reliability of 0.9508; its accuracy has been examined by a panel of experts (Chisquare). The statistics used for analyzing the preliminary data were Descriptive Statistics, which included Percentage, Mean and Standard Deviation and Inferential Statistics for the hypothesis testing at a significant level of 0.5, and Chi-square. The results showed that 1. Regarding the respondents’ qualifications: the majority of yoga learners were females, 20 - 29 years old, single, with a Bachelor’s Degree, working as private company employees, with a monthly income of 30,001 to 45,000 Baht, with no contagious disease. 2. Regarding the behavior of yoga learners: most had never learned yoga before. They registered for a course, mostly for the Sivananta Yoga, studying 3 – 10 times per week. The cost of yoga classes throughout the course was 1,001 - 5,000 baht, and most chose to learn yoga for health benefits. 3. Regarding the marketing mix factors: in general, the marketing mix factors had an impact on the yoga learners’ behavior at a high level. When considering the marketing promotion factors, location was the most influential, followed by prices, fees and marketing promotions.