ระดับความสำคัญของปัจจัยการตลาดที่ผู้ใช้รถยนต์เลือกทำประกันกับบริษัท วิริยะประกันภัย ในเขตกรุงเทพมหานคร

Abstract

การศึกษาระดับความสำคัญของปัจจัยการตลาดที่ผู้ใช้รถยนต์เลือกทำประกันภัยกับบริษัท วิริยะประกันภัย ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งการวิจัยมีตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงปัจจัยส่วนบุคคลต่อระดับความสำคัญของปัจจัยด้านส่วนประสมทางการตลาดของบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยใช้ปัจจัยส่วนบุคคลเป็นตัวแปรอิสระและระดับ ความสำคัญส่วนประสมทางการตลาดเป็นตัวแปรตาม จากการศึกษากับกลุ่มเป้าหมายที่ใช้รถยนต์ นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ทำหรือเคยทำประกันภัยภาคสมัครใจกับบริษัท วิริยะประกันภัย เฉพาะ ในเขตกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้เพื่อให้ทราบถึงปัจจัยที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญต่อการเลือกทำประกันภัยและนำความรู้การจากวิจัยมาใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุง พัฒนารูปแบบการบริการสามารถนำเสนอในสิ่งที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหาร ตัวแทนประกันภัย นายหน้าของบริษัท วิริยะประกันภัย และเป็นข้อมูลเบื้องต้นกับผู้ที่สนใจในเรื่องประกันภัยรถยนต์ การดำเนินการวิจัย ใช้กลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 400 ชุดโดยสุ่มจับฉลาก (Sampling) เลือกเขต ได้ทั้งหมด 10 เขตจากทั้งหมด 52 เขตกรุงเทพมหานคร ตอบแบบสอบถามชนิดปลายปิดทั้งหมด 55 ข้อ โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงเดือนพฤศจิกายน 2551 ซึ่งข้อมูลที่ได้จะถูกนำมาวิเคราะห์ โดยใช้สถิติร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแตกต่างโดยใช้ค่าที (Independent-Samples t-test) และการวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (ANOVA) โดยกำหนดระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ผลจากการวิจัยพบว่า กลุ่มตัวอย่างเป็นเพศชายจำนวนใกล้เคียงกับเพศหญิง เลือกทำประกันภัยประเภทหนึ่งมากที่สุด โดยให้ความสำคัญด้านผลิตภัณฑ์และการบริการ โดยพิจารณาจากชื่อเสียงของบริษัท รองลงมาคือด้านการนำเสนอลักษณะทางกายภาพ ที่ดูมีความมั่นคงน่าเชื่อถือและด้านช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีสาขาและตัวแทนอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจัยด้านการตลาดทุกมิติอยู่ในระดับความสำคัญมาก มีเพียงด้านการส่งเสริมการตลาด เช่น การโฆษณาประชาสัมพันธ์ มีความสำคัญเพียงระดับปานกลางเท่านั้น ที่มีผลให้กลุ่มตัวอย่างทั้ง 400 ชุด เลือกทำประกันภัยกับบริษัท วิริยะประกันภัยโดยปัจจัยส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่าง ด้านเพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพ อาชีพ รายได้ต่อเดือนและประเภทของประกันภัยที่แตกต่างกันมีผลต่อระดับความสำคัญของปัจจัยการตลาดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05