ผลกระทบของการแก้ไขพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542

Abstract

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ เนื่องจากสาเหตุหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ การยึดอำนาจจากรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร มาตรการกันเงินสำรองระยะสั้น 30% และเหตุลอบวางระเบิดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งล้วนมีผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติเป็นอย่างมาก ทั้งการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และการลงทุนโดยตรง (FDI) ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก เพื่อพัฒนาการทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ดังนั้น การแก้ใขพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะอาจมีผลกระทบในเชิงลบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศซึ่งย่ำแย่อยู่แล้ว เนื่องจากปรากฏว่านักลงทุนต่างชาติได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยหากจะมีการแก้ไขกฏหมายในเวลานี้ โดยมีความกังวลเป็นอย่างมากกับธุรกิจที่ได้ลงทุนไปแล้ว หรือธุรกิจที่กำลังตัดสินใจว่าจะมาลงทุน และจากการศึกษาวิจัยก็ได้พบว่าการแก้ไขพรบ.ประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวอาจมีผลกระทบต่อธุรกิจต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยอยู่แล้วแต่ไม่มากนัก แต่ผลกระทบต่อแนวโน้มการลงทุนในระยะข้างหน้าอาจมีมากกว่า การที่นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจเกี่ยวกับรายละเอียดของร่างกฎหมายดังกล่าว อาจจะทำให้มีการตีความในลักษณะที่ว่ารัฐบาลส่งสัญญาณในเชิงลบต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และทำให้ต่างชาติลดความเชื่อมั่นที่มีต่อนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล ตลอดจน เป็นการสร้างแรงกดดันให้นักลงทุนในกรณีของนักลงทุนรายเดิมที่เข้าข่ายต้องปรับโครงสร้างใหม่ โดยส่งผลให้ต้องมีการลดสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่ให้กับนักลงทุนชาวไทย ซึ่งในบางกรณีจะประสบกับความลำบากในการหาผู้ที่สามารถรับซื้อหากหุ้นที่ต้องการขายมีจำนวนมาก และยังเป็นปัจจัยที่กระทบต่อการพิจารณาตัดสินใจของนักลงทุนรายใหม่ว่าจะลงทุนในประเทศไทยหรือไม่ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคือการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ ตลอดจน การชี้แจงและสร้างความเข้าให้กับนักลงทุนต่างชาติเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของเอกชนในอนาคต ซึ่งทางการไทยจำเป็นที่จะต้องเร่งทำการชี้แจงเรื่องดังกล่าวและสร้างความเข้าใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศโดยเร็วที่สุด ควบคู่กับการออกมาตรการต่างๆที่จะเป็นการช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นและสนับสนุนการลงทุนจากต่างชาติเพิ่มเติมในระยะต่อไป