ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบการการดำเนินชีวิต การยอมรับเทคโนโลยี กับพฤติกรรมการรับชมคลิปสปอยล์หนังของประชากรในกรุงเทพมหานคร

Abstract

งานวิจัยนี้วัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการดำเนินชีวิต การยอมรับเทคโนโลยี และพฤติกรรมการรับชมคลิปสปอยล์หนังของผู้ชมในเขตกรุงเทพมหานคร โดยงานวิจัยนี้ เป็นวิจัย เชิงปริมาณ (Quantitative) โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) เป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็น ผู้รับชมคลิปสปอยล์หนังของประชากรในกรุงเทพมหานคร จำนวน 210 คน วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทดสอบสมมติฐานด้วยการวิเคราะห์ด้วยสถิติ Chi-square ผลการศึกษา พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีรูปแบบการดำเนินชีวิตมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมการรับชมคลิปสปอยล์หนัง พบว่า ผู้รับชมคลิปสปอยล์หนังที่มีรูปแบบการดำเนินชีวิต แตกต่างกันมีพฤติกรรมในด้านความถี่ในการรับชม สาเหตุในการรับชมช่วงเวลาในการรับชม และประเภทคลิป สปอย์ที่รับชมไม่แตกต่างกันทั้งในภาพรวมและรายด้าน และมีการยอมรับเทคโนโลยีมีความสัมพันธ์ กับพฤติกรรมการรับชมคลิปสปอยล์หนัง พบว่า ผู้รับชมคลิปสปอยล์หนังที่มีการยอมรับเทคโนโลยีของ ผู้รับชมคลิปสปอยล์หนังแตกต่างกันมีพฤติกรรมในด้านความถี่ในการรับชม สาเหตุในการรับชมช่วงเวลาในการรับชม และประเภทคลิปสปอย์ที่รับชมไม่แตกต่างกัน ยกเว้นรับชมคลิปสปอยล์หนัง ที่มีพฤติกรรมในการรับชมด้านช่วงเวลาในการรับชมที่แตกต่างกัน มีการยอมรับเทคโนโลยีของผู้รับชมคลิปสปอยล์หนังอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05

The purpose of research is to study were Lifestyles, Technology Acceptance and the viewing behavior of movie spoiler in Bangkok. The study was quantitative research by questionnaire is a tool for collecting data a sample was selected from viewers of the movie spoiler 210 cases were included as a sample was used for data analysis data was analyzed using Chi-square statistics. It was found that sample was Lifestyles have a relationship and technology acceptance with the viewing behavior of movie spoiler was the viewing behavior of movie spoiler are different lifestyles is no difference in the behavior of watching movie spoiler except viewing behavior of movie spoiler different viewing times is a statistical significance of acceptance of technology by viewers of movie spoiler was statistically significant at 0.05 level.