ปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการร้านอาหารในเส้นทางท่องเที่ยว อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี

Abstract

การศึกษางานวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาลักษณะของผู้บริโภค แรงจูงใจ และส่วนประสมทางการตลาด (7P’S) ที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการร้านอาหารในเส้นทางท่องเที่ยว อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี ในการเก็บข้อมูลใช้วิธีการแบบผสมผสานวิธี โดยใช้แบบสอบถาม จำนวน 300 ตัวอย่าง ทดสอบค่าความเชื่อมั่นของแบบสอบถามมีเท่ากับ 0.789 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น คือ สถิติเชิงพรรณนาและสถิติเชิงอ้างอิง และแบบสัมภาษณ์ 10 ตัวอย่าง โดยใช้ลักษณะคำถามแบบปลายเปิด เพื่อสนับสนุนข้อมูลที่ได้มาอย่างถูกต้องและแม่นยำ ผลการศึกษาพบว่า ผู้ทำแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศชาย มีอายุ 41-50 ปี สมรสแล้ว อาชีพรับราชการ/รัฐวิสาหกิจ มีรายได้ 30,001 – 40,000 บาท ชอบทานอาหารไทย เข้ามาใช้บริการร้านอาหาร 1-2 ครั้งต่อเดือน โดยใช้เวลา 1-2 ชั่วโมงต่อครั้ง ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.01-18.00 น. ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 501 – 1,000 บาท ผู้ร่วมโต๊ะอาหาร 3-5 คน และผลการศึกษาข้อมูลลักษณะของผู้บริโภคจากแบบสัมภาษณ์เพื่อสนับสนุนข้อมูลจากแบบสอบถาม พบว่า ผู้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ใช้บริการร้านอาหารในเส้นทางท่องเที่ยวมีผู้ร่วมโต๊ะ 3-5 คน ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,000 บาท ใช้บริการในช่วงกลางวัน วันเสาร์-อาทิตย์ และเลือกรับประทานอาหารประเภทอาหารไทยเป็นส่วนใหญ่ แรงจูงที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการร้านอาหารในเส้นทางท่องเที่ยว ของผู้ทำแบบสอบถามอยู่ในระดับความเห็นด้วยมาก คือ เพื่อเป็นจุดแวะพักระหว่างทาง และของผู้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่ได้รับข้อมูลรีวิวร้านอาหารเพื่อเป็นตัวเลือกในการแวะพักรับประทานอาหารเมื่อไปท่องเที่ยว ส่วนประสมทางการตลาดที่ส่งผลต่อการตัดสินใจใช้บริการร้านอาหารในเส้นทางท่องเที่ยวของผู้ทำแบบสอบถามอยู่ในระดับความเห็นด้วยมาก คือ ด้านบุคคล มารยาทและความสุภาพของพนักงาน และสำหรับผู้สัมภาษณ์ให้ความสำคัญ ด้านผลิตภัณฑ์ รสชาติ ความสะอาดและความหลากหลายของอาหาร การใช้บริการร้านอาหารตรงต่อความต้องการผู้บริโภค ทำให้กลับมาใช้บริการและแนะนำต่อ

The purpose of this research was to study the characteristics of consumers, motivation and marketing mix (7P’S) affecting the consumer’s service decision of the restaurants in a tourist route, Chaloem Phra Kiat district, Sarauburi province. Mixed method was used to collect data. The questionnaire, with a reliability of 0.789, was administered to 300 samples, and the statistics used for data analysis were descriptive statistics and inferential statistics. 10 samples were involved in the interview sessions adopting open-ended questions to gain insightful information to support data accurately and precisely. The results revealed that the majority of participants were male aged between 41-50 years, who were married. They were government official/state enterprise employees whose incomes were between 30,001-40,000 baht. In addition, they were satisfied with Thai foods, came to restaurant for 1-2 times per month with 1-2 hours each time, on Saturdays-Sundays during 12.01-18.00 o’clock, spent 501-1,000 bath and with 3-5 people in each table. The results, moreover, from the interviews indicated that groups of 3-5 people came to the majority of service restaurants in a tourist route in the afternoon on Saturday-Sunday spending around 1,000 bath and chose Thai food. Motivation affecting the consumer’s service decision of the restaurants in tourist route’s participants at high level was to be a stopover on the way. The interviews suggested that the majority of interviewers visited restaurants during stopovers when traveling. In addition, marketing mix affecting the consumer’s service decision of the restaurants in tourist route’s participants at high level was a people factor demonstrating that employees had courtesy and politeness. The interviews also revealed that the majority of customers referred to a product factor that included tastes, cleanness and varieties. Restaurants that can respond to the demand can cause the consumers to return and recommend to others.