แผนธุรกิจอิ่มจังหมูกระทะ

Abstract

แผนธุรกิจนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการทำแผนธุรกิจอิ่มกันจังหมูกระทะ มีการวิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ การจัดทำโมเดลธุรกิจ การวิเคราะห์คู่แข่งและการวิจัยตลาดโดยวิธีการสำรวจ ใช้แบบสอบถามกับกลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วไปจำนวน 75 คน และนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต จำนวน 75 คน จำนวนรวมทั้งหมด 100 ชุด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิเคราะห์ พบว่า จุดแข็งของธุรกิจอิ่มกันจังหมูกระทะ คือ ตั้งอยู่ภายในหมู่บ้านเมืองเอก ซึ่งเป็นชุมชนขนาดใหญ่ เป็นร้านอาหารบุฟเฟ่ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกตักอาหารได้เองตาม จุดอ่อน คือ เป็นผู้ประกอบการรายใหม่ เป็นร้านอาหารแบบ Out door ไม่มีห้องแอร์ให้บริการ ในขณะที่โอกาส คือ ในปัจจุบัน ประชนให้ความสนใจในการรับประทานอาหารบุฟเฟ่ต์เป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถรับประทานอาหารได้ไม่จำกัดปริมาณ และอุปสรรค คือ มีคู่แข่งขันจำนวนมาก และในปัจจุบันกระแสรักสุขภาพกำลังได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่น อาจทำให้ผู้บริโภคเลือกรับประทานอาหารประเภทอื่นแทนหมูกระทะ นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งขันรายสำคัญ ได้แก่ ชาบูอินดี้ และคุมะ ร้านอาหารบุพเฟ่ประเภทชาบูและหมูกระทะภายในหมู่บ้านเมืองเอก ซึ่งมีจุดแข็ง คือ เป็นธุรกิจที่เปิดมานาน จุดอ่อน คือ การบริหารจัดการด้านความสะอาดของร้านไม่ค่อยดีนัก เมื่อพิจารณาผลการวิจัยตลาดพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ไปรับประทานหมูกระทะกับเพื่อน โดยจะไปรับประทานเมื่อต้องการ ในวันเสาร์-อาทิตย์/วันหยุดนักขัตฤกษ์ มากที่สุด ส่วนใหญ่จะรับประทานหมูกระทะช่วงค่ำ 19.00-22.00 น. โดยไปรับประทานกัน 2-3 คน ส่วนใหญ่เลือกรับประทานหมูกระทะเพราะราคาไม่แพง ในส่วนของปัจจัยทางการตลาด พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญในด้านผลิตภัณฑ์มากที่สุด รองลงมา คือ ด้านราคา ด้านกายภาพ ด้านสถานที่และเวลาที่ใช้บริการ ด้านการส่งเสริมการตลาด ด้านกระบวนการให้บริการ และด้านบุคลากร ตามลำดับ จากผลการวิเคราะห์ กลยุทธ์ธุรกิจอิ่มกันจังหมูกระทะ ได้แก่ กลยุทธ์ด้านการบริหารจัดการองค์กรและทรัพยากรบุคคล กลยุทธ์ทางการตลาด กลยุทธ์การผลิตและการจัดซื้อ และกลยุทธ์ทางการเงินและการลงทุน โครงการนี้ใช้เงินลงทุนเท่ากับ 380,000 บาท โดยมีผลตอบแทนจากโครงการ (IRR) เท่ากับ 84% ค่าปัจจุบันสุทธิของโครงการ (NPV) เท่ากับ 809,920 และระยะเวลาคืนทุน เท่ากับ 1.120 ปี

The purposes of business plan are to study feasibility of Im Jang Thai BBQ business plan including business environment analysis, business model, competitor analysis and survey marketing research. The questionnaire is conducted with 75 cases of people and 75 cases of Rangsit university student, totaling 100 cases. The statistics used for data analysis consist of frequency, percentage, mean and standard deviation. The findings prove that the strengths of Im-Jung Thai BBQ are location in Mueang Ek housing estate, a large community and buffet restaurant that customers can choose what they like, while the weaknesses are new entrepreneur, outdoor with no air conditioner. The opportunities are buffet is very popular among people as they can eat unlimited while the threats are several competitors and healthy trend among young people may trigger them to select other options. Moreover, there are strong competitors including Indy Shabu and Kuma, shabu and Thai BBQ buffet in Mueang Ek housing estate. The strengths are that they run business for years while their weaknesses are cleanliness. According to marketing survey, the findings reveal that the majority of sample group eat Thai BBQ with friends, 2 – 3 persons, during Saturday-Sunday/ holidays and 19:00 – 22:00 pm. They choose Thai BBQ because it is affordable. For marketing factors, the sample group mostly focuses on product, followed by price, physical evidence, place and time, promotion, service process and personnel, respectively. The analysis results find that strategies of Im Jang Thai BBQ comprise of organization and human resources management, marketing, production and procurement, finance and investment. The investment of this project costs 380,000 baht, the internal rate of return (IRR) equals to 84%, the net present value is 809,920 and payback period is 1.120 year.