DSpace
 

DSpace at Bangkok University >
Institute of Research and Innovation Development >
Research Reports >

Please use this identifier to cite or link to this item: http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/3541

Title: ทัศนคติของนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่มีต่อการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน
Other Titles: The attitudes of graduating high school students toward undergraduate study in private colleges
Authors: สันติ พิลาศลักษณ์
สุชาดา สุภัททธรรม
Keywords: สถาบันอุดมศึกษาเอกชน -- ทัศนคติ
นักเรียนมัธยมศึกษา -- ทัศนคติ
สันติ พิลาศลักษณ์--ผลงานวิจัย
สุชาดา สุภัททธรรม--ผลงานวิจัย
วิทยาลัยกรุงเทพ -- ผลงานอาจารย์
Issue Date: 2528
Publisher: วิทยาลัยกรุงเทพ
Abstract: 1. ความมุ่งหมายของการวิจัย การวิจัยในเรื่อง “ทัศนคติของนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่มีต่อการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน” มีจุดมุ่งหมายเพื่อที่จะทราบทัศนคติของนักเรียนชั้นม.6 ในเขตกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับวิทยาลัยเอกชนที่มีการเปิดสอนในระดับปริญญาตรีจำนวน 12 แห่ง ในเรื่องสาขาวิชาที่เปิดสอนเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียนและสังคมเพียงไร บัณฑิตที่จบจากวิทยาลัยเอกชนมีคุณภาพเพียงไร อาจารย์ผู้สอนเป็นผู้มีคุณวุฒิและมีประสบการณ์ในวิชาที่สอนมาน้อยเพียงไร นอกจากนี้ยังต้องการที่จะทราบไปถึงความเห็นในการเก็บค่าหน่วยกิต ของวิทยาลัยเอกชน ปริมาณของนักศึกษาต่อห้อง ระเบียบข้อบังคับ การมีความกระตือรือร้นในการทำงานของผู้บริหารและบุคลากรอีกด้วย 2. วิธีการดำเนินการวิจัย ได้ขอรายชื่อของโรงเรียนสายสามัญและสายอาชีพ ทั้งเอกชนและรัฐบาล ที่มีการเปิดสอนถึงชั้นมัธยมปลายในเขตกรุงเทพมหานคร จากกระทรวงศึกษาธิการ จัดทำกรอบตัวอย่างโดยใช้เฉพาะนักเรียนชั้น ม.6 หรือเทียบเท่าเท่านั้น แบ่งกลุ่มของโรงเรียนเป็นขนาดใหญ่ กลาง และเล็ก โดยอาศัยจำนวนนักเรียนของชั้น ม.6 แต่ละโรงเรียนเป็นเกณฑ์การแบ่งขนาด ขนาดของโรงเรียนจะเป็นสัดส่วนกับจำนวนแบบสอบถามที่ใช้ สุ่มตัวอย่างโรงเรียนสายสามัญ และสายอาชีพของแต่ละขนาดโดยวิธีสุ่มอย่างง่าย จากนั้นจึงสุ่มห้องเรียนและนักเรียนโดยวิธีการเดิม ในการสุ่มตัวอย่างครั้งนี้ใช้แบบสอบถามจำนวน 2,705 ชุด โดยแบ่งสุ่มนักเรียนสายสามัญและสายอาชีพในอัตราส่วน 2:3 ได้แบบสอบถามกลับคืนและเป็นแบบสอบถามที่ดี 2.502 ชุด คิดเป็นร้อยละ 92.50 ข้อมูลที่ได้นำไปประมวลผลด้วยเครื่องจักรโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS 3. ผลของการวิจัย ในการศึกษาเรื่อง “ทัศนคติของนักเรียนชั้นมัธยมปลายที่มีต่อการศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาเอกชน” พบว่าผู้ตอบร้อยละ 43.0 มีคะแนนสะสมเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 2.01 -2.50 ส่วนผู้ที่มีคะแนนสะสมเฉลี่ยต่ำกว่านี้จะมีร้อยละ 20.1 มีนักเรียนเป็นจำนวนร้อยละ 44.1 ที่ครอบครัวประกอบธุรกิจส่วนตัว รับราชการหรือรัฐวิสาหกิจร้อยละ 29.6 รายได้เฉลี่ยของครอบครัวเดือนละ 5,001 -10,000 บาท มีร้อยละ 41.8 และมีร้อยละ 41.0 ที่รายได้เฉลี่ยของครอบครัวต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ผู้ตอบโดยส่วนใหญ่คือร้อยละ 67.0 ที่ได้รับการอุปการะทางการเงินจากบิดาและมารดา นอกจากนี้ยังได้พบว่ามีนักเรียนร้อยละ 45.3 ที่มีญาติพี่น้องใกล้ชิดหรือคนรู้จักใกล้ชิดศึกษาหรือทำงานในวิทยาลัยเอกชน ร้อยละ 60.2 ของนักเรียน ที่ตอบ มีความประสงค์จะศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี และมีเพียงร้อยละ 13.3 ไม่ต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี มีความมั่นใจปานกลางในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐร้อยละ 55.2 ที่มั่นใจมากมีร้อยละ 19.7 และบุคคลเหล่านี้ต้องการจะศึกษาต่อทางด้านสังคมศาสตร์ร้อยละ 44.2 รองลงมาเป็นนิติศาสตร์ร้อยละ 12.6 ในกรณีที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐไม่ได้จะเลือกเข้าที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงร้อยละ 47.5 และที่วิทยาลัยเอกชนร้อยละ 41.6 นักเรียนเหล่านี้เห็นว่าสิ่งที่วิทยาลัยเอกชนควรปรับปรุงเป็นอันดับแรกคือ ค่าหน่วยกิตร้อยละ 50.7 จากทัศนคติของนักเรียนชั้น ม.6 เกี่ยวกับสาขาวิชาและความรู้ที่ผู้ตอบคาดว่าจะได้รับจากวิทยาลัยเอกชนมีความเห็นว่า สาขาวิชาที่เปิดสอนอยู่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างมาก ความรู้ที่ได้รับจากสาขานั้น ๆ สามารถนำไปประกอบอาชีพ และตรงกับความต้องการของตลาดอย่างมาก หลักสูตรมีความยากปานกลางและแตกต่างไปจากมหาวิทยาลัยของรัฐไม่มากนัก ทัศนคติเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือในผลงานของบัณฑิตที่จบจากวิทยาลัยเอกชน พบว่าบัณฑิตแต่ละคนได้งานทำเร็วและตรงตามวุฒิปานกลาง ประกอบอาชีพที่มั่นคงและมีรายได้ปานกลาง บัณฑิตสามารถจบหลักสูตรภายในเวลาที่กำหนดปานกลางและส่วนใหญ่ได้คะแนนสะสมเฉลี่ยสูงปานกลาง นอกจากนี้ยังพบว่าความสามารถของบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยของรัฐเอกชนมีความแตกต่างกันไม่มากนัก ผลงานของบัณฑิตน่าเชื่อถือได้ปานกลางส่วนใหญ่ในแง่ความเชื่อถือในตัวอาจารย์ผู้สอน ผู้ตอบมีความเห็นว่าอาจารย์เป็นผู้มีความรู้ในวิชาที่สอน มีประสิทธิภาพและมีประสบการณ์ในเนื้อหาที่สอนอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือในวงวิชาการอย่างมาก เป็นผู้ที่มีการเตรียมการสอน และมีความสามรถในการถ่ายทอดได้ดีมาก นอกจากผู้นี้ตอบยังมีความเห็นว่าอาจารย์เป็นผู้มีคุณธรรมและความยุติธรรมปานกลาง มีความใกล้ชิดและเป็นกันเอง กับนักศึกษาปานกลาง มีความสนใจและให้เวลานักศึกษาพอสมควร และมีความเห็นปานกลางในเรื่องความเหมาะสมของจำนวนอาจารย์ ทัศนคติ เกี่ยวกับลักษณะทั่วไปของวิทยาลัยเอกชนนั้น ผู้ตอบมีความเห็นว่า ค่าหน่วยกิตที่เก็บสูงมากอีกทั้งจำนวนนักศึกษาต่อห้องก็มีปริมาณมาก และมีความเห็นปานกลางเกี่ยวกับความเข้มงวดในระเบียบข้อบังคับ อุปกรณ์การเรียนการสอน ความกระตือรือร้นในการทำงานของผู้บริหารและบุคลากร ความมีมนุษยสัมพันธ์ของนักศึกษาระหว่างคณะ
The purpose of the research is to find out the Bangkok high school students’ attitude toward private colleges in Thailand. From this study, the image of private colleges is seen and it is one of the data to be used in the planning of educational development programs in the future. The results of the research are that ninety-three percent of 2,705 questionnaires are answered. Forty-four percent of subjects’ parents run their own businesses while thirty percent of students’ parents are either government officials or work in state enterprises. Forty-one percent of the students’ families earn an average month income of less than 5,000 Bath. Sixty-seven percent of the students are sponsored by their parents. Sixty percent of the students intend to further their studies for bachelor’s degree and twenty of these students are certain that they can pass the entrance examination. Forty-four percent aim to study in social science. Forty-eight percent indicate that they will choose Ramkamheang university if they fail to pass the entrance examination while forty-two percent will apply for admission to private colleges. Fifty-one percent of the students pointed out that tuition fees and number of students per class in private colleges should be reduced. In general, the majority of the students shared the same openion that the study program, the lectures, the staff members in private colleges on highly qualified and they saw no major distinction between the government universities and private colleges.
URI: http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/3541
Appears in Collections:Research Reports

Files in This Item:

File Description SizeFormat
santi_pila.pdf52.68 MBAdobe PDFView/Open
View Statistics

Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.

 

  DSpace Software Copyright © 2002-2010  Duraspace - Feedback