ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเอ็กซ์ตรีมของคนไทย

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านต่างๆ ที่เป็นสิ่งกระตุ้นการตัดสินใจท่องเที่ยวเชิงกีฬาเอ็กซ์ตรีมของคนไทย และ2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเอ็กซ์ตรีมของคนไทย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ คนไทยที่ท่องเที่ยวเชิงกีฬาเอ็กซ์ตรีม จำนวน 400 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสอบถาม (Questionnaire) ซึ่งผู้วิจัยสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าสถิติโดยวิธีหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบสมมติฐานวิเคราะห์ข้อมูลโดยค่าสถิติทดสอบที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (One-Way ANOVA) สำหรับการวิเคราะห์ความแปรปรวนเมื่อพบความแตกต่างจะทำการทดสอบความแตกต่างเป็นรายคู่ ด้วยวิธีการของ LSD และการวิเคราะห์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน (Pearson Correlation) โดยกำหนดการทดสอบ นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 ซึ่งผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. ผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีลักษณะทางประชากรแตกต่างกัน ได้แก่ เพศอายุ สถานภาพ อาชีพ และรายได้ต่อเดือน มีพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเอ็กซ์ตรีมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 แต่นักท่องเที่ยวที่มีระดับการศึกษาแตกต่างกัน ไม่พบว่ามีพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเอ็กซ์ตรีมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 2. ผลการศึกษา พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่มีลักษณะทางประชากร ได้แก่ สถานภาพสมรสแตกต่างกัน มีปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจท่องเที่ยวเชิงกีฬาเอ็กซ์ตรีมแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 ในส่วนของเพศ อายุ ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ต่อเดือน ไม่พบว่ามีปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจท่องเที่ยวเชิงกีฬาเอ็กซ์ตรีมที่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05 3. ผลการศึกษา พบว่า มีพฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาเอ็กซ์ตรีมด้านต่างๆ ได้แก่ ด้านสุขภาพร่างกาย ด้านบุคลิกภาพส่วนบุคคล ด้านประสบการณ์ที่ได้รับ ด้านความน่าสนใจ ความแปลกใหม่ และอิทธิพลของสังคม ด้านความปลอดภัย ด้านความสะดวกในการเดินทาง มีความสัมพันธ์กับปัจจัยกระตุ้นการตัดสินใจท่องเที่ยวเชิงกีฬา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ 0.05

The objectives of this research are 1) to study various factors stimulating decision-making for extreme sport tourism of Thai people and 2) to study behavior of Thai extreme sport tourists. The sample group was 400 Thai people who participated in extreme sport tourism. Questionnaires were used as a tool to collect data. Percentage, arithmetic means and standard deviation were used to analyze the data. Hypothesis were test employing t-test, One-Way ANOVA and Pearson Correlation at the significance level of 0.05. The research results were concluded as follows. 1. Respondents with different demographic characteristics including sex, age, status, occupation and income per month had significantly different behaviors of extreme sport tourism at the level of 0.05. However, respondents with different educational levels had no significant different behaviors. 2. Respondents with different marital status demographic had different stimulating factors to decision-making for extreme sport tourism at the 0.05 level. 3. Extreme sport tourism behaviors including physical health aspect, personality aspect, experience aspect, interesting feature aspect, novelty aspect, social influence aspect, safety aspect and travel convenience aspect had significant relationship with stimulating factors of decision-making of extreme sport tourism at the 0.05 level.