ปัจจัยแรงจูงใจ การทำงานเป็นทีม และสภาพแวดล้อม ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตใน การทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการบริษัทเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการ

Abstract

การศึกษาวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาปัจจัยแรงจูงใจ การทำงานเป็นทีมและสภาพแวดล้อมที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในการทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการบริษัทเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นพนักงานระดับปฏิบัติการในจังหวัดสมุทรปราการ ระเบียบวิธีวิจัยเป็นงานวิจัยเชิงปริมาณ ใช้วิธีการศึกษาเชิงสำรวจ รวบรวมข้อมูล ที่ได้รับจากแบบสอบถามใช้กลุ่มตัวอย่าง คือ พนักงานระดับปฏิบัติการบริษัทเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 400 กลุ่มตัวอย่าง แหล่งเก็บแบบสอบถามจากกลุ่มตัวอย่างออกเป็น 4 อำเภอในจังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอบางบ่อ อำเภอบางพลี และอำเภอบางเสาธง โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและตรวจสอบความถูกต้อง ของเครื่องมือจากผู้ทรงคุณวุฒิ การทดสอบความน่าเชื่อถือด้วยวิธีของครอนบาคกับกลุ่มตัวอย่าง 30 คน ได้ระดับความเชื่อมั่น 0.958 โดยการวิเคราะห์ประมวลหาค่าสัมประสิทธิ์อัลฟ่าของครอนบาค (Cronbach’s Alpha Coefficient) ซึ่งได้ขนาดของกลุ่มตัวอย่างจำนวน 400 คน และวิธีการทางสถิติได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ข้อมูลสมมติฐาน ใช้สถิติทดสอบหาความสัมพันธ์แบบถดถ้อยอย่างง่าย (Simple Regression Analysis) และสถิติวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ (Multiple Regression Analysis) ผลการศึกษา พบว่า ความแตกต่างของข้อมูลลักษณะส่วนบุคคล คือ เพศ อายุ สถานภาพ ระดับการศึกษา และรายได้เฉลี่ยต่อเดือนของพนักงานระดับปฏิบัติการบริษัทเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการที่แตกต่างกันมีผลต่อคุณภาพชีวิตในการทำงานของพนักงาน ปัจจัยแรงจูงใจ การทำงานเป็นทีม สภาพแวดล้อมมีผลต่อคุณภาพชีวิตในการทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการบริษัทเอกชนในจังหวัดสมุทรปราการ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

The purpose of this study was to investigatethe motivation, teamwork and environmental factors affected tothe operational employee’s quality of working life in Samut Prakarn’s private companies. This study was conduct in quantitative methodology. The 400 samples for this study were from private companies in 4 districts of Samut Prakarn Province which were Amphoe Meung Samut Prakarn, Amphoe Bang Bo, Amphoe Bangpli and Amphoe Bang Sao Thong. The questionnaire was used to collect the data and was validated by the expert as well as reliability tested by Cronbach method with 30 samples obtained the reliability level of 0.958. The statistic using in this study were Percentage, Mean, Standard Deviation while the hypothesis analysis used Simple Regression Analysis and Multiple Regression Analysis. The result showed that the different of personal data which were gender, age, status, educational level and income of operational employees in Samut Prakarn’s private companies affected differently to their quality of working life. Motivation, teamwork and environmental factors significantly affected to the quality of working life of the operational employees in Samut Prakarn’s private companies at level 0.05.