การศึกษาปัจจัยข้อมูลส่วนบุคคล ความผูกพันองค์กร ภาวะผู้นำ และระบบมาตรฐานการปฏิบัติงานต่อประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ บริษัทในเครือเฮลท์ อัพ กรุ๊ป

Abstract

การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาความแตกต่างของปัจจัยข้อมูลส่วนบุคคล อิทธิพลของปัจจัยด้านความผูกพันองค์กร อิทธิพลของปัจจัยด้านภาวะผู้นำ และอิทธิพลของปัจจัยด้าน ระบบมาตรฐานการปฏิบัติงาน ส่งผลต่อประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ บริษัทในเครือ เฮลท์ อัพ กรุ๊ป โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล และตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องมือจากผู้ทรงคุณวุฒิ การทดสอบความน่าเชื่อถือด้วยวิธีของ ครอนบาร์คกับกลุ่มตัวอย่าง 30 คน ได้ระดับความเชื่อมั่น 0.811 แจกให้กับพนักงานระดับปฏิบัติการ บริษัทในเครือ เฮลท์ อัพ กรุ๊ป จำนวน 223 คน และวิธีทางสถิติแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สถิติเชิงพรรณนา ประกอบด้วย ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การใช้สถิติทดสอบหาความแตกต่างค่าที และการวิเคราะห์ควาแปรปรวนทางเดียว ผลการศึกษา พบว่า ความแตกต่างของปัจจัยข้อมูลส่วนบุคคลด้านเพศ อายุ ระดับการศึกษา อายุงาน รายได้ต่อเดือน และความเพียงพอของรายได้ต่อค่าใช้จ่าย ส่งผลต่อประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ บริษัทในเครือ เฮลท์ อัพ กรุ๊ป ที่ไม่แตกต่างกัน ยกเว้นปัจจัยข้อมูล ส่วนบุคคลด้านอายุงาน และการใช้สถิติทดสอบหาความสัมพันธ์แบบถดถอยอย่างง่าย พบว่า อิทธิพลของปัจจัยด้านความผูกพันองค์กร อิทธิพลของปัจจัยด้านภาวะผู้นำ และอิทธิพลของปัจจัยด้าน ระบบมาตรฐานการปฏิบัติงานส่งผลต่อประสิทธิผลในการทำงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ บริษัทในเครือ เฮลท์ อัพ กรุ๊ป อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05

This research aims to study the differences of personal characteristics factor, to study the influence of organizational commitment factor, to study the influence of the leadership styles factor, and to study the influence of the work standardization system factor of employees affecting employee’organizational effectiveness in Health Up Group. In this research, the questionnaire was verified by the experts as well as tested the reliability with 30 samples by the Cronbach’ method and had the reliability of 0.811. Questionnaires were distributed to collect the data from 223 employees of Health Up Group. The statistics used are consisted of 2 types: the descriptive statistics which are percentage, mean and standard deviation, and the inferential statistics which are t-test and one-way ANOVA analysis revealed that the differences of personal characteristics factor: gender, age, educational level, salary per month and sufficiency of income per expense did not affect the effectiveness of the operational staff in Health Up Group; except working duration factor. For simple regression analysis, the influence of organizational commitment factor, the influence of the leadership styles factor and the influence of the work standardization system factor affected the level of effectiveness of the operational staff in Health Up Group with the statistically significant at the 0.05 level.