แผนธุรกิจการส่งออกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านไปยังประเทศญี่ปุ่น

Abstract

การค้นคว้าอิสระเรื่อง “แผนธุรกิจการส่งออกเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านไปยัง ประเทศญี่ปุ่น” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงโอกาสการตลาดการส่งออกไปยังประเทศญี่ปุ่น วิธีการ ในการจัดทำแผน คือการวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจ การวิเคราะห์การแข่งขัน และการสำรวจ ตลาดใช้วิธีผสมระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณ และการวิจัยเชิงคุณภาพสำหรับงานวิจัยเชิงคุณภาพใช้ การสัมภาษณ์เชิงลึกกับกลุ่มนักธุรกิจชาวไทยที่ส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปยังประเทศญี่ปุ่น 2 รายและ ผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น 2 รายโดยใช้แบบสัมภาษณ์และใช้วิธีการวิเคราะห์เนื้อหาในการวิเคราะห์ข้อมูล สำหรับงานวิจัยเชิงปริมาณใช้แบบสอบถามกับผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นที่เป็นนักท่องเที่ยวหรือชาวญี่ปุ่น ที่ทำงานในประเทศไทยจำนวน 150 คนใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบโควต้าและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ผลการวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจ พบว่าจุดแข็งของบริษัท คือ มีสายการผลิตและ ฝ่ายการออกแบบเป็นของบริษัทมีเครื่องจักรเฉพาะที่สร้างขึ้นเอง และโรงงานได้รับการรับรอง มาตรฐาน ด้านจุดอ่อนของบริษัท คือ ขาดบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการส่งออกตราสินค้ายังไม่ เป็นที่รู้จัก และเงินทุนที่จะขยายธุรกิจมีจำกัด ส่วนโอกาสทางธุรกิจคือ ประเทศญี่ปุ่นนั้นมีอัตราการ นำเข้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพาราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและอุปสรรค คือทำเลที่ตั้งของโรงงานอยู่ไกล ความหลากหลายของวัตถุดิบมีน้อยคู่แข่งขันสามารถลอกเลียนแบบได้สำหรับการวิเคราะห์การแข่งขัน พบว่าคู่แข่งขันทางตรงนั้นเป็นคู่แข่งขันในด้านลักษณะรูปแบบของผลิตภัณฑ์ รองลงมานั้นแข่งขันกัน ที่ด้านราคา สำหรับผลวิจัยการตลาดพบว่าผู้ตอบแบบสอบถามชอบวัสดุไม้ยางพารามากที่สุด เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบสั่งทำตามขนาดพอดีกับที่พักอาศัย เลือกตกแต่งห้องโดยเน้นสีสันสดใส และให้ความสำคัญกับอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์ ความแข็งแรงและคงทนมากที่สุด ตามด้วยรูปแบบที่หลากหลาย และที่ตั้งของสถานที่จำหน่าย จากผลการวิเคราะห์กลยุทธ์ของธุรกิจ คือกลยุทธ์การขายและการประชาสัมพันธ์เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น กลยุทธ์ด้านบุคลากร เพื่อเพิ่มความสามารถในด้านการส่งออก และกลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์เชิงป้องกันสินค้าลอกเลียนแบบ สำหรับโครงการนี้ใช้เงินลงทุน 4,009,040.26 บาทโดยมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของโครงการ เท่ากับ 620,743.98 บาทและอัตราผลตอบแทนภายในโครงการอยู่ที่ 37% และระยะเวลาการคืนทุน เท่ากับ 2 ปี 5 เดือน

This independent study is written under the topic of “Business plan for furniture and home decoration export to Japan”, which aims to study the export market opportunity. These were the methods using in this study. Analyzing economic environment factor and competition. Quantitative and quality research had been used in marketing research. Indepth interview with two Thais businessmen who export furniture to Japan and two Japanese customers was used to analyze the data for quality research. For quantitative research, the questionnaire had been used which was from 150 Japanese, included both tourist and salary-men, in Thailand as a sample case. The sample cases were drawn from quota sampling. Data was analyzed using statistics as following. Frequency, percentage, mean and standard deviation. From this finding, there are several factors related to furniture export which can be concluded as below: The results of the economic environment factor study were as follows: 1) The strength of company were, company itself has a production line, designing department and specific machine which made by their own. In addition, the factory has been certified. 2) The weakness of company were, lack of skilled personnel with export, trademark is not yet well known and has limited capital to grow the business. 3) The opportunity was,the rate of importing rubber wood furniture is increasing continuously. 4) The obstacles were, the location of the factory is quite far, variety of raw material is minimal and competitors can counterfeit the products. The result of competition study indicated that direct competitor is from product style field. Next on down is compete at the price. For the result of market research, it was found that the participants like rubber wood the most, purchase made to order furniture which fit to room’s size, decorate the room with bright color, and focus on furniture’s life, focus on strength and durability of the furniture. Moreover, variety of the furniture and shop’s location are also important. In conclusion, business strategy as the following should be improved and developed. First, selling strategy and industrial publicity should be improved to reach more customers’ need. Second, personnel strategy should be improved to increase the capability in exporting. At last, production strategy should also be improved to prevent counterfeit products making. From this study, the investment of this project was 4,009,040.26 baht. Net present value of the project would be 620,743.98 baht. Internal rate of return would be 37%, and return on investment would be 2.5 years in estimation.