การศึกษาการมีส่วนร่วมของโฆษณาผ่าน เฟซบุ๊กและอินสตาแกรม กรณีศึกษา แบรนด์ บิวตี้ บุฟเฟต์

Abstract

งานวิจัยนี้เป็นงานวิจัยเชิงเปรียบเทียบประสิทธิผลของการมีส่วนร่วมของโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม กรณีศึกษาแบรนด์บิวตี้บุฟเฟต์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของโฆษณาเฟซบุ๊ก แบรนด์ บิวตี้บุฟเฟต์ (2) เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของโฆษณาอินสตาแกรม แบรนด์บิวตี้บุฟเฟต์ และ (3) เพื่อเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมของแบรนด์บิวตี้บุฟเฟต์ งานวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิธีการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research Method) ในการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้การทดลองโฆษณาผ่านเฟซบุ๊ก (Facebook Ads) และการทดลองโฆษณาผ่านอินสตาแกรม (Instagram Ads) ผ่านโปรแกรม Ads Manager มีการใช้เนื้อหา 2 ประเภท ได้แก่ เนื้อหาแบบ Video โปรโมชั่น Vit C และเนื้อหาแบบ Photo โปรโมชั่น Vit C และนำผลลัพธ์ในการทดลองมาคำนวณหาอัตราการมีส่วนร่วมโดยการแสดงผล (Engagement rate by impression) ของทั้ง 2 แพลตฟอร์ม ผลการทดลองพบว่า แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กเนื้อหาแบบ Video โปรโมชั่น Vit C สร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่า เนื้อหาแบบ Photo โปรโมชั่น Vit C และแพลตฟอร์มอินสตาแกรมเนื้อหาแบบ Photo โปรโมชั่น Vit C สร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายได้มากกว่าเนื้อหาแบบวิดีโอโปรโมชั่น Vit C และเมื่อนำผลลัพธ์รวมของเนื้อหา 2 ประเภทมาคำนวณหาค่าเฉลี่ยอัตราการมีส่วนร่วมโดยการแสดงผลพบว่า การโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กสามารถสร้างการมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายโดยการแสดงผลของโฆษณาได้ดีกว่าการโฆษณาผ่านอินสตาแกรม เนื่องด้วยเนื้อหาทั้ง 2 ประเภท และทั้ง 2 แพลตฟอร์มให้ประสิทธิผลที่แตกต่างกัน ดังนั้นควรใช้ควบคู่กันไปเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้น

This comparative research paper focuses on the effectiveness of engagement on Facebook Ads and Instagram Ads, The Case Study of Beauty Buffet aims to (1) study the engagement on Facebook Ads of Beauty Buffet. (2) study the engagement on Instagram Ads of Beauty Buffet. And (3) compare Beauty Buffet's engagement on Facebook Ads and Instagram Ads. The researched applied Experimental Research Method in collecting the data as follows, advertising experiment on Facebook and advertising experiment on Instagram through the Ad Manager by using 2 types of content which are video promotional content and photo promotional content. And also use the experimental result to calculate the engagement rate by impression on both platforms. The result revealed that video promotional content on the Facebook platform is more effective than the Instagram platform, and photo promotional content on the Instagram platform is more effective than on the Facebook platform. When the combined results of the two types of content are used to calculate the average engagement rate by impression, it is clear that Facebook is more effective than Instagram. types of content, and both platforms are effective from different angles. Therefore, it is essential to be used simultaneously.