การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารแบบปากต่อปากอิเล็กทรอนิกส์กับ การตัดสินใจซื้อและการรับรู้ต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้า ในเขตกรุงเทพมหานคร

Abstract

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารแบบปากต่อ ปากอิเล็กทรอนิกส์กับการตัดสินใจซื้อและการรับรู้ต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าใน เขตกรุงเทพมหานคร การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงสำรวจโดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 440 คน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การวิเคราะห์ T-test One-way ANOVA และการวิเคราะห์เพียร์สัน ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง มีอายุระหว่าง 18-30 ปี จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพพนักงานบริษัทบริษัทเอกชน รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ราคาผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าที่เลือกใช้พบว่ามีราคาอยู่ที่ 100-299 บาท ผลการทดสอบสมมติฐานพบความสัมพันธ์ระหว่างการสื่อสารแบบปากต่อปากอิเล็กทรอนิกส์กับการตัดสินใจซื้อและการรับรู้ต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าในเขตกรุงเทพมหานคร ในขณะเดียวกันลักษณะประชากรศาสตร์ที่แตกต่างกันส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าในกรุงเทพมหานครแตกต่างกันและไม่แตกต่างกันดังนี้ ผู้บริโภคที่มีอายุ และระดับการศึกษาที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์โฟมหน้าล้างหน้าในกรุงเทพแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผู้บริโภคที่มีเพศอาชีพรายได้ต่อเดือน และราคาผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกัน ส่งผล ต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์โฟมหน้าล้างหน้าในกรุงเทพไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05 การสื่อสารแบบปากต่อปากมีความสัมพันธ์ต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้า ในกรุงเทพมหานคร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และการรับรู้มีความสัมพันธ์ต่อการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้าในกรุงเทพมหานคร แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ระดับ 0.05

This study aimed to study relationship between electronic word-of-mouth communication and purchasing decisions and perception of decision to buy facial foam products among people in Bangkok. The study applied a survey research using questionnaires to collect data from 440 consumers who lived in Bangkok. Statistics used for data analysis included t-test, one-way anova and pearson's analysis. The findings revealed that most of the questionnaire respondents were females, aged between 18-30 years old, and received bachelor’s degree. They were private companies officers and earned between 20,001-30,000 baht/ month. They preferred to buy the selected foam cleanser product at 100-299 baht. The result of hypothesis testing indicated that there were relationships between electronic word-of-mouth communication and purchasing decisions and perception of the decision to buy facial foam products. The respondents who had different demographic characteristics had similarities and disparities in the decision to purchase facial cleansing foam products. In details, consumers whose different ages and education levels had difference in the decision to buy facial cleansing foam products at a statistical significance level of 0.05. Also, consumers whose gender, occupation, and monthly income as well as different product prices had not affected on the decision to buy facial cleansing foam products at a statistical significance level of 0.05. Word-of-mouth communication had a relationship with the decision to buy facial foam products, at a statistical significance level of 0.05.

Likewise, the perception of the decision to buy facial foam products was related to the decision to buy facial foam products at a statistical significance level of 0.05.