แผนธุรกิจบริษัท TH Dyestuff & Chemical จำกัด

Abstract

งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในกิจการจำหน่ายสินค้าในอุตสาหกรรมสิ่งทอในอนาคต และศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุนของธุรกิจที่ต้องลงทุนเพิ่มหลายส่วน และศึกษาช่องทางรวมถึงสินค้าชนิดใหม่ให้ตอบโจทย์ลูกค้าในประเทศไทย และลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม CLMV โดยการศึกษาได้ใช้แบบสอบถามจำนวน 100 ชุดจากบุคคลทั่วไป และการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมสิ่งทอ อีกจำนวน 20 คน พบว่าสิ่งสำคัญที่เป็นปัจจัยหลักจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการคือการแข่งขันจากประเทศจีนและราคาวัตถุดิบต่างๆจากประเทศจีนที่มีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับสิ่งทอมีการเติบโตช้าลงและอีกหนึ่งปัจจัยที่กระทบกับธุรกิจในการผลิตสิ่งทอของประเทศไทยคือการไหลเข้าของผ้าผืนจากประเทศจีน โดยที่น่าจะกระทบเป็นวงกว้างในอุตสาหกรรมนี้และสอดคล้องกับการตอบแบบสอบถามของบุคคลทั่วไปที่เน้นการจับจ่ายใช้สอยจากด้านราคาและดีไซน์เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งปัจจัยที่เป็นจุดสำคัญที่ทำให้การผลิตภายในประเทศไทยเติบโตน้อยลงเพราะราคาในการผลิตผ้าสูงกว่าการนำเข้าผ้าผืนและเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากประเทศจีนเพราะมีราคาถูกกว่าในประเทศไทย และการบริหารจัดการก็จะนำระบบต่างๆเข้ามาปรับปรุงเพื่อช่วยให้เกิดความสะดวกในการจัดการเพื่อลดความผิดพลาดของการใช้คนและจะมีความเป็นระบบมากขึ้น เช่น การนำ KPI ต่างๆ มาใช้จัดการระบบการพยากรณ์การสั่งซื้อสินค้า, การบริหารสินค้าคงคลัง, การบริหารระบบโลจิสติกส์ เป็นต้น เพื่อให้ทันต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไป และอำนวยความสะดวกให้แก่พนักงานและลดข้อผิดพลาดในการทำงาน ทั้งเริ่มต้นไปถึงกระทั่งลูกค้าได้รับสินค้า โดยทางบริษัทได้มีแผนที่จะลงทุนการสร้างคลังสินค้าใหม่เพื่อที่เข้าใกล้แหล่งลูกค้ามากขึ้นเพราะต้องการลดและประหยัดค่าขนส่งสินค้าที่เป็นต้นทุนส่วนหนึ่งที่ค่อนข้างสูงและยังประหยัดเวลาในการส่งสินค้าเพราะสินค้าจะยังไปอยู่ในคลังสินค้าที่ใกล้ขึ้นอีกด้วย เพราะคำสั่งซื้อและวิธีการสั่งสินค้าของลูกค้ามีการเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนที่มีการสั่งสินค้าทีละมากๆ แต่ในปัจจุบันลูกค้ามีการสั่งแบบเมื่อมีใบสั่งงานถึงค่อยสั่งสินค้าจึงทำให้คำสั่งซื้อจะถี่ขึ้นแต่สินค้าในใบสั่งสินค้าจำนวนก็จะลดลงไป โดยจากที่คาดการณ์จากการลงทุนสร้างคลังสินค้าจะประหยัดได้ถึง 6-7 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นประมาณ 7-8% โดยการลงทุนทั้งหมดนี้จะเป็นการลงทุนจากเงินบริษัทเองทั้งหมด โดยงบประมาณที่ต้องใช้ในการสร้างคลังสินค้า ตั้งงบไว้ที่ 10ล้านบาท ในการซื้อที่ดินและสร้างคลังสินค้า โดยระยะเวลาในการคืนทุนคือประมาณ 4 ปี และผลตอบแทนของโครงการคือ 11% และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อยู่ที่ 3,539,805.86 บาท

The objective of this study was to find out if the investment of the Textile products distribution business possibility in the future would be likely to establish the TH Dyestuff & Chemical Co., Ltd when assessing Cost Effectiveness on increasing funds for excessive parts in this operational business company was required and carry out if distributional channels from surveys as many as newly kinds of products to suit the needs of Thailand-based and neighborhood countries called CLMV clients would really be a practical ways for the business services. 100 Questionnaires for general consumers and Interview for 20 interviewees from Textile industry entrepreneurs were used. Data collected from the interviewees was indicated that a competition factor from Chinese competitors was effectively an impact, especially challenges from an import of unchanging high-cost raw material from China has been regarded as the major factor which has caused the economic growth of textile industry to slow down when other factors like cloth material and cheaper and attractive-design garments of Chinese made goods imported were picked out by general Thai consumers as the respondents whose data collected from questionnaires also had identically been shown up. This has influenced on deceleration of the growth of Thailand’s textile industry as a whole. A use of management system which includes KPI would be helpful for involved employees in term of business performance so that request orders, inventory management and Logistics management system would currently be a key to success amid the globally rapid time changes.

According to the business investment plan, the new warehouse where also would be the best logistic management control by all means based on demand orders for reducing costs would be constructed. By doing this, the Cost Effectiveness would help to keep discount rate of 7-8% or equivalent to a reduced cost of 6-7 million Baht. The estimated 10 million Baht fund as a capital investment for warehouse construction which includes the cost of land purchase and the warehouse structure has been provided by the said company. The payback period would be around 4-year time when the rate of return would be 11% and NPV would be as much as 3,539,805.86 Baht. (Three million and five hundred thirty-nine eight hundred and five point eighty-six Baht)