การยอมรับหลักการบรรษัทภิบาลของผู้ถือหุ้น: ศึกษากรณีของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในตลาดหลักทรัพย์ใหม่

Abstract

ความเป็นมาของการวิจัย การดำเนินธุรกิจที่ดี ผู้ประกอบการขององค์การจะต้องอยู่บนพื้นฐานของความซื่อสัตย์ สามารถสร้างมาตรฐานละความเชื่อถือให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกิจที่ดำเนินอยู่ เนื่องจากระบบธุรกิจจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยกัน ถ้าหากขาดความซื่อสัตย์ มาตรฐานและความน่าเชื่อถือแล้ว ระบบธุรกิจก็อาจจะประสบความเสียหายได้ โดยงานวิจัยนี้ จะศึกษาเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจที่ดีหรือบรรษัทภิบาลของผู้ถือหุ้นที่มีต่อการให้ความสำคัญ กับการยึดถือว่าทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องมีส่วนรับผิดชอบ ซึ่งได้แก่ หลักการดังนี้คือ แนวทางข้อปฏิบัติของผู้ถือหุ้น ข้อพึงปฏิบัติที่ดีสำหรับคณะกรรมการ บริษัทจดทะเบียนและแนวทางปฏิบัติที่ดีของคณะกรรมการตรวจสอบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยยึดหลักการ 6 ประการ ได้แก่ การยึดหลักความถูกต้องในการปฏิบัติหน้าที่ การมีความรับผิดชอบต่อการตัดสินใจ และการกระทำของตน การปฏิบัติต่อทุกฝ่ายอย่างเสมอภาคและยุติธรรม การมีความโปร่งใสและเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมา การมุ่งสร้างคุณค่าของธุรกิจในระยะยาวแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และการมุ่งเสริมหลักการบริหารอันเป็นเลิศในองค์กร ระเบียบวิธีการวิจัย ผู้ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 114 คน จากทั้งหมด 10 แห่ง เป็นกลุ่มตัวอย่างในการวิจัยนี้ สำหรับเครื่องมือในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ได้รับการตรวจความถูกต้องเชิงเนื้อหาจากผู้ทรงคุณวุฒิแล้ว วิธีการทางสถิติที่ใช้และสรุปผลข้อมูลคือค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าที (t-test) การวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว (one-way ANOVA) และ การเปรียบเทียบเชิงซ้อน (Post Hoc tests comparisons) ด้วยวิธีของ Scheffe โดยทดสอบที่ระดับนัยสำคัญ 0.05 ผลการวิจัย ผลของการวิจัยพบว่า ผู้ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา ระดับรายได้ต่อเดือน และระยะเวลาที่ถือหุ้นแตกต่างกัน ให้ระดับการยอมรับว่าหลักการบรรษัทภิบาลของผู้ถือหุ้นมีความสำคัญแตกต่างกันเฉพาะอายุ (เฉพาะอายุของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 30 ปี กับอายุของผู้ถือหุ้น 40-490 ปี และอายุของผู้ถือหุ้นต่ำกว่า 30 ปี กับอายุของผู้ถือหุ้น 50 ปีขึ้นไป) ระดับรายได้ต่อเดือน (เฉพาะระดับรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 50,000 บาท กับระดับรายได้ต่อเดือน 50,000-100,000 บาท) และระยะเวลาที่ถือหุ้น (เฉพาะระยะเวลาที่ถือหุ้นน้อยกว่า 1 ปี กับระยะเวลาที่ถือหุ้น 1-5 ปี) สำหรับผู้ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา ระดับรายได้ต่อเดือน และระยะเวลาที่ถือหุ้นแตกต่างกันให้ระดับการยอมรับว่าหลักการบรรษัทภิบาลของคณะกรรมการบริษัทจดทะเบียนมีความแตกต่างกัน เฉพาะระดับรายได้ต่อเดือน (เฉพาะระดับรายได้ต่อเดือน 50,000 – 100,000 บาท กับระดับรายได้ต่อเดือนมากกว่า 100,000 บาท) ผู้ถือหุ้นในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ที่มีเพศ อายุ ระดับการศึกษา ระดับรายได้ต่อเดือน และระยะเวลาที่ถือหุ้นแตกต่างกันให้ระดับการยอมรับว่าหลักการบรรษัทภิบาลของคณะกรรมการตรวจสอบมีความสำคัญแตกต่างกันเฉพาะระดับรายได้ต่อเดือน (ระดับรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 50,000 บาท กับระดับรายได้ต่อเดือนมากกว่า 100,000 บาท)

Background of study Exceptional business practices require more than honesty. Equally vital are the ability of establish standards and obtain respect from business stakeholders. Given the fact that business schemes are a dependent system, the absence of honesty, standards and respects from the involved parties, may bring forward a collapse of the entire network. This research objective was to study the attitude of shareholders’ good corporate governance on importance of shareholders codes of conducts, the policy statement on code of best practices of directors of listed companies, and the best practice guidelines for audit committee. In the event, 6 principles which entailed the appropriate code of conduct in business, responsible decision making and actions, impartial and justified measures for all parties, full transparency, created long-term value for the stakeholders and lastly endorsed good corporate governance within the organization. Method The sample size of the research derived from 114 shareholders of the 10 listed companies in the market for alternative investment (MAI). Subsequently, approved by experts questionnaires were distributed to collect data. One gathered, data was summarized using statistic measures such as percentage, average, standard deviation, t-test, one- way ANOVA and Scheffe post Hoc multiple comparisons with the significance level of 0.05. Results The research discovered that variations among factors such as gender, age, education level, incomes, and share holding period of the listed companies in the market for alternative investment (MAI) shareholders, only some factors affected the level of good corporate governance of shareholder importance acceptance. The following were the noticeable factors; age (only shareholders age under 30 years and shareholders age between 40-49 years as well as shareholders age 30 an shareholders age above 50). Incomes (specifically those with income under 50,000 Bath/month and income between 50,000-100,000 Bath/month), and finally share holding period (less than 1 year and period between 1-5 years)