DSpace Collection: วิทยานิพนธ์
http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/296
วิทยานิพนธ์2024-03-29T00:57:20Zแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวโดยลำพัง (SOLO TRAVEL)
http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/5637
Title: แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวโดยลำพัง (SOLO TRAVEL)
Authors: อรรถกฤต จันทร
Abstract: การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรม ความคาดหวัง และความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวโดยลําพังที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เพื่อนําเสนอแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทยสําหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวโดยลําพัง ประชากรในการศึกษา คือ นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่เป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวโดยลําพังที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย จํานวน 400 คน ทําการเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติวิเคราะห์เชิงพรรณนา โดยใช้ค่าร้อยละ ความถี่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมติฐานการวิจัยด้วยสถิติวิเคราะห์เชิงอนุมาน คือ t-test / ANOVA และ Pearson’s correlation coefficient ผลการศึกษาพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีระยะเวลาในการท่องเที่ยว 1 –5 วัน ค่าใช้จ่ายตลอดทริปท่องเที่ยว 20,001 –30,000 บาท (637 –956 USD) แหล่งข้อมูลที่ใช้ในการหาข้อมูลท่องเที่ยว คือ สื่อสังคมออนไลน์ โดยในการมาท่องเที่ยวมีความคาดหวังในด้านสถานที่และการบริการมากที่สุด รองลงมา คือ ด้านความปลอดภัยและสิ่งอํานวยความสะดวก ปัจจุบันพบว่า นักท่องเที่ยวมีความพึงพอใจด้านสถานที่และการบริการของประเทศไทยมากที่สุด ผลการทดสอบสมมติฐาน พบว่า นักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวโดยลําพัง ที่มีระยะเวลาทั้งหมดในการท่องเที่ยว และแนวโน้มในการเดินทางมาท่องเที่ยวในอนาคตแตกต่างกัน มีความพึงพอใจต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทยแตกต่างกัน นอกจากนั้นยังพบว่า ความคาดหวังในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย มีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวโดยลําพังที่มีต่อการท่องเที่ยวในประเทศไทยอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ; The main aim of this study was to investigate the behaviors, expectations, and satisfaction levels of solo travelers in Thailand. The objective was to create a comprehensive guideline for the advancement of tourism specifically tailored to this group of travelers. The research involved gathering data from 400 solo travelers, comprising both Thai and foreign individuals. A questionnaire was utilized as the primary data collection instrument, and the gathered information was analyzed using various descriptive statistical measures such as percentages, frequencies, means, and standard deviations. In addition, inferential statistical methods including t-tests, ANOVA, and Pearson's correlation coefficient were employed to test hypotheses. The findings of the study indicated that a significant portion of solo travelers chose to stay in Thailand for durations ranging from one to five days, with a budget ranging from 20,001 to 30,001 baht (637 -956 USD). These travelers primarily obtained their information through online social media platforms and held the highest expectations for tourist attractions, services, safety and security, as well as facilities. Moreover, the respondents reported the highest levels of satisfaction with tourist attractions and services. The results from hypothesis testing revealed that satisfaction levels varied among solo travelers based on their duration of stay and their inclination to
visit Thailand. Furthermore, the study identified a statistically significant relationship between tourists' expectations and their satisfaction.
Description: วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม) สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ2567-02-28T00:00:00Zการรับรู้ระดับการให้บริการของนักท่องเที่ยวมุสลิมต่อการจัดการการท่องเที่ยวแบบฮาลาลในเขตกรุงเทพมหานคร
http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/5511
Title: การรับรู้ระดับการให้บริการของนักท่องเที่ยวมุสลิมต่อการจัดการการท่องเที่ยวแบบฮาลาลในเขตกรุงเทพมหานคร
Authors: ณิชาภา รัตนพันธ์
Abstract: การศึกษาครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการรับรู้ระดับการให้บริการการท่องเที่ยวแบบฮาลาลของสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่พักแรม และภัตตาคาร หรือร้านอาหารในเขตกรุงเทพมหานครกับการกลับมาใช้บริการซ้ำและการบอกต่อแบบปากต่อปากของนักท่องเที่ยวมุสลิม งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ เป็นการศึกษาโดยใช้แบบสอบถาม จากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ จำนวน 384 คน และสัมภาษณ์เชิงลึก จำนวน 10 คน เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบสอบถาม และสถิติวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพรรณนา ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติเชิงอนุมาน ได้แก่ การทดสอบ t-test, ANOVA และการทดสอบความสัมพันธ์ด้วยการวิเคราะห์ค่าสหสัมพันธ์เพียร์สัน
ผลการวิจัยพบว่า การรับรู้ระดับการให้บริการการท่องเที่ยวแบบฮาลาล เฉพาะด้านภัตตาคารหรือร้านอาหารมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับการกลับมาใช้บริการซ้ำของนักท่องเที่ยวมุสลิมในเขตกรุงเทพมหานคร ในขณะที่การรับรู้ระดับการให้บริการการท่องเที่ยวแบบ
ฮาลาลทุกด้านไม่มีความสัมพันธ์กับการบอกต่อของนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม โดยภาพรวมนักท่องเที่ยวมุสลิมส่วนใหญ่มีความตั้งใจจะกลับมาเที่ยวซ้ำ และแนะนำบอกต่ออย่างแน่นอน ข้อเสนอแนะในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการท่องเที่ยววิถีฮาลาลในการจัดการท่องเที่ยว ในด้านสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พักแรม และบุคลากร ที่สำคัญควรคำนึงและให้ความสนใจนำบทบัญญัติศาสนาอิสลาม เข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดเป็นรูปแบบการจัดการท่องเที่ยววิถีฮาลาลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน
ทุกประการ ตามหลักคำสอนหลักปฏิบัติและข้อห้ามของศาสนาอิสลามที่มีความเคร่งครัด โดยเฉพาะ
ผู้ประกอบธุรกิจควรเพิ่มความเชี่ยวชาญในการจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวและการเดินทางที่สอดคล้องกับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิม เพื่อปรับปรุงการให้บริการและสถานที่ให้เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมมากยิ่งขึ้น; This research aims to examine the relationship between the perceived service level of halal tourism in Bangkok, specifically focusing on tourist attractions, accommodations, and restaurants, with the re-use intention and word-of-mouth intentions of Muslim tourists. A mixed-methods approach was adopted, employing both quantitative and qualitative methodologies. Data were collected through questionnaires from 384 Thai and foreign tourists, supplemented by 10 in-depth interviews. The analysis involved descriptive statistics, such as tally, percentage, means, and standard deviations, and inferential statistics, including t-tests, ANOVA, and Pearson Correlation. Qualitative data were analyzed using a content analysis approach. The findings indicated that the perceived service level of halal tourism, particularly in terms of restaurants, exhibited a statistically significant relationship with tourists' re-visit intentions. However, no significant relationships were observed between the perceived service levels in other aspects (tourist attractions and accommodations) and the intention to revisit or engage in word-of-mouth promotion. Overall, the majority of Muslim tourists expressed a strong intention to repeat their trips. Based on the study results, it is recommended that halal service providers give greater consideration to the doctrines, practices, and prohibitions of Islam Religion to better cater to the needs of Muslim tourists. Business operators, in particular, should acquire expertise in designing tourism and travel programs that align with Muslim beliefs and practices. By doing so, they can enhance their services and create more welcoming environments for Muslim tourists.
Description: วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.)--สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 25652566-01-01T00:00:00Zความคาดหวังและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ส่งผลต่อความภักดีต่อการท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา
http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/5506
Title: ความคาดหวังและความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ส่งผลต่อความภักดีต่อการท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา
Authors: ธันยพร จูชาวนา
Abstract: งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาความคาดหวังของนักท่องเที่ยวชาวไทยต่อการมาท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา 2) ศึกษาความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยต่อการมาท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา 3) ศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ส่งผลต่อความพึงพอใจในการท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา 4) ศึกษาความ
พึงพอใจของนักท่องเที่ยวที่ส่งผลต่อความภักดีของนักท่องเที่ยวชาวไทยในการมาท่องเที่ยวตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสาน ใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลเชิงปริมาณจากนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา จำนวน 400 คน และเก็บและรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์ผู้จำหน่ายสินค้าภายในตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา จำนวน 10 คน
ผลการวิจัยพบว่า เพศหญิงมีความคาดหวังต่อต่อการมาท่องเที่ยวตลาดนัดกลางคืน
เลียบด่วนรามอินทรา มากกว่าเพศชาย ระดับการศึกษาที่แตกต่างกันส่งผลต่อความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทราแตกต่างกัน พฤติกรรมนักท่องเที่ยวไม่ส่งผลต่อความคาดหวังของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา จำนวนครั้งที่มาท่องเที่ยวส่งผลความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มาท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา ความพึงพอใจต่อการท่องเที่ยวตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา มีความสัมพันธ์ต่อความภักดีด้านโอกาสในการกลับมาท่องเที่ยวและโอกาสแนะนำผู้อื่นให้มาท่องเที่ยวที่ตลาดนัดกลางคืนเลียบด่วนรามอินทรา; The objectives of this research were 1) to study the expectations of Thai tourists towards Liab Duan Raminthra night market, 2) to study the satisfaction of Thai tourists towards visiting Liab Duan Raminthra night market, 3) to study the behavior of Thai tourists. 4) To study the satisfaction of Thai tourists affecting travel loyalty at Liab Duan Raminthra night market. This research was mixed research, collecting quantitative data from questionnaires from 400 Thai tourists visiting Liab Duan Raminthra night market, and qualitative data by interviewing 10 vendors in Liab Duan Raminthra night market.
The results of the research revealed that females had higher expectations of traveling to Liab Duan Ramintra night market than males. Different levels of education affect the satisfaction of Thai tourists visiting Liab Duan Raminthra night market in differently. Tourist behavior did not affect the expectations of Thai tourists visiting Liab Duan Ramintra night market. The number of visits affects the satisfaction of Thai tourists who come to travel at Liab Duan Raminthra night market. Tourist satisfaction towards Liab Duan Raminthra night market was correlated with loyalty in the likelihood of returning to travel and the likelihood of recommending others to visit Liab Duan Raminthra Night Market.
Description: วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.)--สาขาวิชาการจัดการอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 25652566-01-01T00:00:00Zปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ประโยชน์ในการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชาของผู้บริโภคชาวไทย
http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/5504
Title: ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ประโยชน์ในการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชาของผู้บริโภคชาวไทย
Authors: ณัฐกร รัตนถาวรกิติ
Abstract: การศึกษางานวิจัยชิ้นนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ข้อ ได้แก่ 1) เพื่อศึกษาปัจจัยด้านการรับรู้ในมิติ
ต่าง ๆ ต่อการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชาสำหรับผู้บริโภคในประเทศไทย 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างระหว่างปัจจัยการเลือกอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชา และการรับรู้ประโยชน์ของอาหารสำหรับผู้บริโภคชาวไทยในการเลือกบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชา และ
3) เพื่อจัดลำดับความสำคัญของปัจจัยด้านการรับรู้ของผู้บริโภคที่ส่งผลต่อการเลือกบริโภคอาหาร เพื่อสุขภาพจากกัญชาโดยการใช้วิธี Importance-performance Map Analysis (IPMA) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษา คือ กลุ่มผู้บริโภควัยทำงานที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นจำนวน 300 คน โดยจะต้องเป็นผู้ที่เคยบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชาตั้งแต่
ปี 2565 เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถามออนไลน์ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการประเมินแบบโครงสร้าง (Structural
Model Assessment) ตัวแบบสมการโครงสร้างกำลังสองน้อยที่สุดบางส่วน (Partial Least Square Structural Equation Model: PLS-SEM) ใช้วิเคราะห์และหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรโดยใช้โปรแกรมสำเร็จรูป SMART-PLS
ผลจากการศึกษาพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง ที่มีอายุระหว่าง 20-30 ปี ส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาอยู่ที่ระดับปริญญาตรี ประกอบอาชีพเป็นพนักงานเอกชน และมีรายได้มากกว่าเดือนละ 45,000 บาท 1) ผู้ตอบแบบสอบถามมีความคิดเห็นเชิงบวกในด้านสังคม ด้านอารมณ์ ด้านความคุ้มค่า และด้านรสชาติตามลำดับ และไม่มีความคิดเห็นเชิงบวกในด้านความปลอดภัย ต่อการรับรู้ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชา 2) จากผลการวิเคราะห์สมการโครงสร้างในการเลือกบริโภคต่อการรับรู้ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชา พบว่า ด้านสังคมส่งผลต่อการรับรู้ประโยชน์ของอาหารเพื่อสุขภาพจากกัญชามากที่สุด รองลงมาคือด้านอารมณ์ ด้านความคุ้มค่า
ด้านรสชาติ และด้านความปลอดภัยตามลำดับ 3) อีกทั้งยังสามารถจัดลำดับความสำคัญของปัจจัย
ด้านการรับรู้ประโยชน์จากวิธี IPMA ส่งผลให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสอบถามให้ความสำคัญกับด้านสังคมมากที่สุด รองลงมาคือด้านอารมณ์ ด้านความคุ้มค่า ด้านรสชาติ และด้านความปลอดภัยตามลำดับ; This research study has 3 objectives: 1) To study various perception
factors towards healthy Food consumption from cannabis for consumers in Thailand. 2) To study the structural relationship between factors of healthy Food selection from cannabis and perception of Food benefits for Thai consumers to choose healthy Foods based on cannabis. 3) To prioritize consumer perception factors that affect the choice of healthy Foods from cannabis by using the Importance-performance map analysis (IPMA). The sample used in the study was from a group of working age (20 years and above) consumers that consumed healthy Foods from cannabis since 2022 and were living in Thailand.The tool used in the study was an online questionnaire. Statistics used to analyze data include percentages, averages, standard deviations, and Structural Model Assessment. Partial least quadratic structure equation model analyzes and find relationships between variables using SMART-PLS program.
According to the study's findings, the majority of respondents were female, between the age of 20 and 30, most had bachelor’s degree, and were employed
as private workers with an average monthly income of higher than 45,000 baht.
1) Respondents had positive opinions on social, emotional, Value, and taste aspects. On the other hand, respondents had favorable judgement regarding the social, emotional, Value, and taste dimensions. Additionally, there are no favorable safety evaluations to be found with respect to the view of the advantages of cannabis-infused Food. 2) For analysis results, showed that the social aspect was given the highest priority, followed by personal feeling, Value of money, taste and safety accordingly 3) The IPMA methodology also helped us to determine the priority of factors based on the responses of the survey participants, the results showed that the social aspect was given the highest priority, followed by personal feeling, Value of money, taste and safety in consumption in that specific order.
Description: วิทยานิพนธ์ (ศศ.ม.)--สาขาวิชานวัตกรรมการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 25652566-01-01T00:00:00Z