DSpace Community: คณะเศรษฐศาสตร์คณะเศรษฐศาสตร์http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/1202024-03-29T10:41:42Z2024-03-29T10:41:42Zการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่มีผลต่อมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมทองคำในประเทศไทยธนาวุฒิ แก้วอินทร์http://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/44142023-07-30T06:10:47Z2563-01-01T00:00:00ZTitle: การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่มีผลต่อมูลค่าหน่วยลงทุนของกองทุนรวมทองคำในประเทศไทย
Authors: ธนาวุฒิ แก้วอินทร์
Abstract: งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ที่มีผลต่อมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนรวมทองคำในประเทศไทย เครื่องมือที่นำมาใช้ในการวิเคราะห์คือ แบบจำลอง Vector Autoregressive (VAR) รวมถึงการวิเคราะห์ impulse response function โดยเหตุผลในการใช้ VAR เนื่องจากพบว่าสามารถอธิบายความสัมพันธ์กับตัวแปรหนึ่งที่ใช้ข้อมูลอนุกรมเวลาที่เกิดขึ้นแล้วในอดีตมาวิเคราะห์ได้ และงานวิจัยนี้ใช้ข้อมูลที่มีความถี่รายวันย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2557 ถึง พ.ศ.2559 ตัวแปรที่ใช้ในการวิเคราะห์ประกอบด้วย มูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนรวมทองคำทั้งหมด 25 กองทุน สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้ 1.กองทุนรวมที่ลงทุนโดยตรงกับทองคำแท่งในต่างประเทศ 2.กองทุนรวมที่ลงทุนในกองทุนรวม Exchange Traded Fund (ETF) และ 3.กองทุนรวมที่ลงทุนในกองทุน SPDR Gold Trust มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางในการตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมทองคำ เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนรวมทองคำ เมื่อเปรียบเทียบกับดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และเพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนหรือบุคคลทั่วไปที่สนใจลงทุนในกองทุนรวมทองคำ ผลการวิจัยพบว่าการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีผลต่อมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนรวมทองคำในประเทศไทย นอกจากนี้พบว่าดัชนีราคาตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนรวมทองคำ อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศกับมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนรวมทองคำยังไม่สามารถสรุปได้ เนื่องจากมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนรวมทองคำบางตัวแปรมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้าม กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ของกองทุนรวมทองคำบางตัวแปรมีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกันกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศนั่นเอง; This research examines the relationship among the Stock Exchange of Thailand (SET), foreign exchange rate, and Net Asset Value (NAV) of gold mutual funds in Thailand. The methodology applied in this research is vector autoregressive model (VAR) including impulse response function analysis. The reason to use VAR is because it is found that all mentioned variables comprising lagged periods have explanatory power to the change mutual funds’ NAV. The data includes value of NAV of 25 gold mutual funds starting from 2014 to 2016 on a daily basis. The gold mutual funds are divided into 3 clusters: 1) Gold mutual funds invested in international bullion market, 2) Gold mutual funds invested in international gold Exchange Trade Fund (ETF), and 3) Gold mutual fund invested in SPDR gold trust. The objectives of this study are to investigate the factors which affect the change of Thai gold mutual funds and to provide information to any related person who is interested in investing in Gold mutual funds. The empirical results show that the change of the Stock Exchange of Thailand (SET) and change in foreign exchange rate affect NAV of Gold Mutual Funds in Thailand. To be more specific, the relationship between gold mutual funds’ NAV and foreign exchange rate are found in opposite direction. However, the relationship between gold mutual funds’ NAV and SET index is inconclusive.
Description: วิทยานิพนธ์ (วท.ม.) -- สาขาวิชาการเงิน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 25622563-01-01T00:00:00Zผลตอบแทนระยะยาวของหลักทรัพย์ที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก: กรณีศึกษาตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทยชัยวุฒิ สิทธิมาhttp://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/37742020-11-13T02:28:50Z2562-01-01T00:00:00ZTitle: ผลตอบแทนระยะยาวของหลักทรัพย์ที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก: กรณีศึกษาตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย
Authors: ชัยวุฒิ สิทธิมา
Abstract: งานวิจัยฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาถึงผลตอบแทนระยะยาวของการลงทุนในหลักทรัพย์ที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (Initial Public Offering: IPO) เปรียบเทียบกับผลตอบแทนของตลาดและดัชนีราคากลุ่มอุตสาหกรรมและหมวดธุรกิจ โดยเลือกหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Stock Exchange of Thailand: SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (Market for Alternative Investment: MAI) ระหว่างปี พ.ศ. 2546 ถึงปี พ.ศ. 2561 จำนวน 298 บริษัท เป็นตัวอย่างในการทดสอบและใช้ชุดข้อมูลหลักทรัพย์จาก SETTRADE และ SETSMART ระหว่าง เดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2546 ถึง เดือน กรกฎาคม ปี พ.ศ. 2561 ซึ่งผู้วิจัยมีความสนใจว่าการลงทุนระยะยาวในหลักทรัพย์ IPO เมื่อเปรียบเทียบกับราคาที่ปิดวันแรก เป็นรายเดือน ตั้งแต่ เดือนที่ 1 ถึงเดือนที่ 60 จะมีผลตอบแทนในระยะยาวที่ผิดปกติหรือไม่ และต้องการทราบถึงแนวโน้มของผลตอบแทนว่าจะเกิดผลตอบแทนที่ผิดปกติในทิศทางที่เป็นบวกหรือลบ
ผลจากการศึกษาพบว่าการทดสอบหาผลตอบแทนเฉลี่ยแบบถ่วงน้ำหนัก ด้วยวิธี Buy and Hold Abnormal Return (BHAR), Cumulative Abnormal Return (CAR) และ Abnormal Return (AR) ไม่พบผลตอบแทนระยะยาวที่เกินปกติแต่สามารถเอาชนะตลาดได้โดยมีแนวโน้มที่ลดลงอย่างไม่มีนัยสำคัญ เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ และดัชนีราคากลุ่มอุตสาหกรรมและหมวดธุรกิจ แต่หลักทรัพย์ IPO ที่อยู่ใน Portfolio SET100 กลับพบผลตอบแทนที่ผิดปกติสามารถเอาชนะตลาดได้ แต่มีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญ; The objective of this research is to study the long-term returns of investment in Initial Public Offering (IPO) compared with the return of the market and industry group index food business. The securities listed in Stock Exchange of Thailand (SET) and the Market for Alternative Investment (MAI). During the year 2003 - 2018 a total of 298 companies in testing and using the data from SETSMART and SETTRADE between January, 2003 since July, 2018. The researcher is interested in the long-term investment in the securities IPO compared with price off the first day, monthly since the month. As 1- 60 month will the long-term abnormal return or not. And want to know the trend of the returns to be abnormal return in a direction that is positive or negative.
Results from the study found that the test returns the average weighted Abnormal Buy and Hold Return way (BHAR), Cumulative Abnormal Return (CAR) and the Abnormal Return (AR). No long-term returns that exceed the normal but can win the market by decreasing significantly. When compared with the return of the stock exchange, the stock exchange alternative investment and industry group index food business. But the IPO securities that are in the Portfolio yield SET100 found abnormalities can beat the market. But declining significantly.
Description: การค้นคว้าอิสระ (วท.ม.) --สาขาวิชาการเงิน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 25612562-01-01T00:00:00Zอัตราส่วนทางการเงินและการขึ้นเครื่องหมายของ กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอสาวิณี วงษ์ปัญญาhttp://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/29832021-07-24T08:47:29Z2561-01-01T00:00:00ZTitle: อัตราส่วนทางการเงินและการขึ้นเครื่องหมายของ กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาด เอ็ม เอ ไอ
Authors: สาวิณี วงษ์ปัญญา
Abstract: การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์บริษัทที่มีสัญญาณเตือนโดยใช้ข้อมูลจากอัตราส่วนทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (MAI) จำนวน 65 บริษัท ในปี พ.ศ. 2558 ในจำนวนนี้ มีบริษัทที่มีสถานะถูกขึ้นเครื่องหมาย "NC" และ "SP " ในระหว่างปี จำนวน 18 บริษัท การศึกษานี้ใช้อัตราส่วนทางการเงิน 10 อัตราส่วน ในช่วง 3 ปีย้อนหลัง เพื่อหาว่าอัตราส่วนทางการเงินใดที่มีผลต่อการถถูกขึ้นเครื่องหมาย โดยใช้การวิเคราะห์ถดถอยโลจิสติก ผลการวิจัยพบว่าการหมุนเวียนของสินทรัพย์รวม (TAT) มีผลต่อการเกิดสัญญาณการขึ้นเครื่องหมายในทั้งสามแบบจำลอง ขณะที่อัตราส่วนทุนหมุนเวียน (CR) และอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) มีผลต่อการเกิดสัญญาณการขึ้นเครื่องหมายเมื่อใช้อัตราส่วนทางการเงินย้อนหลัง 3 ปี ในการวิเคราะห์; This research presents an analysis of firms having warning signs using a data set of financial ratios of companies listed in the Market for Alternative Investment (MAI) in 2015. Among 65 companies, 18 companies were imposed trading signs “NC” and “SP” during that year. This study employs 10 financial ratios in the past years to determine the occurrence of both trading signs using the logistic regression analysis. The results show that total asset turnover (TAT) affects the occurrence of trading signs across three models while current ratio (CR) and return on assets (ROA) in the previous 3 years significantly affect the occurrence of trading signs of companies in the sample.
Description: การค้นคว้าอิสระ (วท.ม.) -- สาขาวิชาการเงิน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 25602561-01-01T00:00:00Zปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออัตราการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย : กรณีศึกษาบริษัทในกลุ่มหุ้นสามัญขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภาณุพันธุ์ อุดมผลhttp://dspace.bu.ac.th/jspui/handle/123456789/29572021-07-27T09:55:21Z2561-01-01T00:00:00ZTitle: ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออัตราการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย : กรณีศึกษาบริษัทในกลุ่มหุ้นสามัญขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
Authors: ภาณุพันธุ์ อุดมผล
Abstract: รายงานการค้นคว้าอิสระนี้ได้ศึกษาเกี่ยวกับปัจจัยที่มีอิทธิพลต่ออัตราการจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีศึกษาบริษัทในกลุ่มหุ้นสามัญขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีทั้งหมดทั้งสิน 47 บริษัท โดยที่ข้อมูลจากรายงานประจำปีของแต่ละหลักทรัพย์ ช่วงที่ศึกษาจะครอบคลุมในช่วงปี พ.ศ. 2550-2559 ตัวแปรอิสระที่ใช้ในการศึกษานี้ประกอบด้วย ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ อัตราส่วนสภาพคล่อง อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น สินทรัพย์รวม กระแสเงินสดจากการดำเนินงานต่อสินทรัพย์รวม อัตราการเติบโตของยอดขาย และการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย และตัวแปรตามคือ อัตราการจ่ายเงินปันผล ผลการศึกษาจากแบบจำลอง Pooled OLS ซึ่งเป็นแบบจำลองที่เหมาะสมที่สุดแสดงให้เห็นว่า ผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ และ อัตราการเติบโตของยอดขาย เป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการอัตราการจ่ายเงินปันผลอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ; This study examines factors influencing dividend payout for large capitalization stock which consists of 47 companies listed on the Stock Exchange of Thailand. The study covers the period from 2007 to 2016. The financial ratios consist of return on equity , return on assets , current ratio , debt to equity ratio , total assets ,cash flow operating to total asset, sales growth and free float ; while the dependent variable is dividend payout. The result from the Pooled OLS specification which is the most appropriate model shows that return on equity , return on assets and sales growth are significant factor influencing dividend payout ratio.
Description: การค้นคว้าอิสระ (วท.ม.)--สาขาวิชาการเงิน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ, 25602561-01-01T00:00:00Z